“เมย์แบงก์ฯ” แนะลงทุน 5 หุ้นเด่นช่วง “โควิด-19” เน้น P/E ต่ำ-โอกาสฟื้นสูง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์จาก บล. …


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์จาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนสูง อย่างไรก็ตาม ได้มองเป้าดัชนี SET ในปี 64 ไว้ที่ 1,600 จุด

โดยได้แนะนำนักลงทุนที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรควรจะมองหุ้นที่มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง  5 บริษัทหลักทรัพย์ ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มลิสซิ่ง ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น

ทั้งนี้ นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดฯยังไปไม่ไกลมากไม่ได้จากที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ถ่วงอยู่ ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่ซื้อ และหุ้นขนาดใหญ่ก็ไม่ค่อยเคลื่อนไหวไปไหน ส่งผลให้หุ้นขนาดกลาง และหุ้นขนาดเล็ก เป็นที่ต้องตาของบรรดานักลงทุนที่ชอบเล่นเก็งกำไร

อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรควรจะมองหุ้นที่มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง ในที่นี้ก็จะนำหุ้นที่น่าลงทุน 5 ตัว เป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากโลจิสติกส์ ที่น่าจะไปได้ต่อ และยังสามารถให้ผลดำเนินงานทำนิวไฮต่อได้ ซึ่งก็มองที่หุ้น บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.60 บาท/หุ้น มองดูแล้วน่าจะทำผลงาน All Time high ได้ในไตรมาส 2/64

ด้าน กลุ่มยานยนต์ (Auto) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มีความน่าสนใจลงทุนจากภาคส่งออกของไทยฟื้นตัวได้ดี โดยตัวเลขการส่งออกขยับขึ้นได้เรื่อย ๆ และไม่ Link กับปัจจัยในประเทศ รวมถึงตอนนี้เศรษฐกิจทั้งของจีน, ยุโรป และสหรัฐฯ ต่างฟื้นตัวถ้วนหน้า

ขณะที่ปัจจุบันกลุ่ม Auto เทรด P/E ที่ 10 เท่า เท่านั้น ทำให้มองว่ายังไปต่อได้ แนะนำ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะหุ้น บริษัท เคซีอี อิเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE

ด้านกลุ่มลิสซิ่ง แนะนำหุ้น บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK จากทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยผลดำเนินงานในไตรมาส 1/64 ทำ All time high และคาดว่าไตรมาส 2-4 ก็จะเร่งทำผลงานเติบโตไปได้อีก จากพอร์ตสินเชื่อของ ASK ที่เร่งโตขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 45 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ หุ้น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ยังเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจลงทุน จากคาดการณ์กำไรจะเติบโตแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง รับผลจาก SINGER ที่เติบโตได้ต่อ และ JMT ที่มองว่าครึ่งปีหลัง จะดีกว่าครึ่งปีแรก และยังจับมือกับ KookminBank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีเพื่อขยายสินเชื่อในประเทศให้มากขึ้น (ขายหุ้นใน 49% ใน J-Fintech (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น KBJ แล้ว) ให้กับ Kookminbank

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้มองเป้าดัชนี SET ในปี 64 ไว้ที่ 1,600 จุด คิด P/E 19 เท่า โดยมอง EPS ที่ 84 บาท ซึ่งเวลานี้เศรษฐกิจระดับ Global ถือว่าดี แต่ในประเทศยังต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับคนในประเทศจะทำได้มากแค่ไหน แม้ว่าผลกำไรงวดไตรมาส 1/64 จะออกมาดีกว่าคาดถึง 80% แต่ในไตรมาส 2/64 อาจจะชะลอได้จากผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ต้องมีการใช้มาตรการคุมเข้ม

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

 

 

Back to top button