NRF แรลลี่ยาว! บวกอีก 5% “ออลไทม์ไฮ” รับเข้าคำนวณ FTSE Micro Cap-ลุ้นกำไร Q2 โตแรง

NRF แรลลี่ยาว! บวกอีก 5% “ออลไทม์ไฮ” โดย ณ เวลา 15.23 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 11.00 บาท บวก 0.50 บาท รับเข้าคำนวณ FTSE Micro Cap-ลุ้นกำไร Q2 โตแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ณ เวลา 15.23 น. อยู่ที่ระดับ 11.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.76% ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 11.40 บาท ราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 700.48 ล้านบาท  ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2563

โดยก่อนหน้านี้นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะดีกว่าไตรมาสแรกอย่างมีนัยสำคัญ และดีกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ยาวไปจนถึงไตรมาส 3/2564 ขณะโควิด-19 ระลอกใหม่ยังไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานโดยตรง เนื่องจากออเดอร์สินค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“บริษัทฯ ไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับสถานะการณ์โควิดในปีนี้ เนื่องจากได้มีมาตรการควบคุม และดูแลอย่างรัดกุม ขณะที่มองว่าไตรมาส 2-3 ปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ ในปัจจุบันเริ่มเห็นการฟื้นตัวของดีมานด์ ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นออเดอร์เข้ามาไปถึง 2-3 เดือน นอกจากนี้มองว่าในยุค New Normal นั้น ถือเป็น New Demand ด้วยเช่นกัน บริษัทฯคาดการณ์ว่าภายในปี 2455 จะมีกำลังการผลิตรวมเต็มรูปแบบแตะระดับ 4 หมื่นตัน ขณะที่กำลังซื้อช่วงครึ่งปีหลังยังคงสูง โดยเฉพาะยอดขายในสหรัฐฯ ซึ่งเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว” แดน ปฐมวาณิชย์ กล่าว

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะ 3,000 ล้านบาทภายในปี 2567 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถทำได้เร็วกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้จากกระแสความนิยมด้าน Plant-Based Food ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค รวมไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ ซึ่งเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติและมีงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐอมเริกา ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ สัดส่วนประมาณ 40-45%

ขณะที่ความคืบหน้าของการเข้าลงทุนในธุรกิจกัญชง กัญชา นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GTH) สัดส่วน 49% โดย บริษัท ซูเปอร์ แพลนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ NRF ถือหุ้น 100% จะเข้าถือหุ้นใน GTH มูลค่าการลงทุน ระหว่าง 62.91 ล้านบาท ถึง 77.8 ล้านบาท

โดยการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทเป็นผู้นำทางการตลาดในอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย และจะทำให้มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในภาคการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย โดยหลังจากที่อุตสาหกรรมกัญชงถูกกฎหมาย บริษัทมองว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความรู้ ความเชี่ยวชาญของบริษัท GTH จะช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาและนำผลิตภัณฑ์จากกัญชงมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท ทั้งใน Ethnic, plant-based, และ functional food อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะต้องมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ก.ค.2564

 

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  FTSE Rebalance : ให้น้ำหนักการลงทุนของไทยใน FTSE All World Ex US +0.01% สู่ 0.59% เพิ่มราว +66.8 ล้านเหรียญฯ

โดยหุ้นที่เข้าใหม่ FTSE All World Index ได้แก่ OR 90ล้านเหรียญฯ(Large Cap), SCGP 75.4 ล้านเหรียญฯ(Large Cap) เพิ่มน้ำหนัก CBG 11 ล้านเหรียญฯ, OSP 8 ล้านเหรียญฯ ลดน้ำหนัก BBL-R, PTT, SCC, CPALL, AOT, SCB, KBANK-F ตัวละ -13 ถึง -5ล้านเหรียญฯ ไม่มีหุ้นออก

ส่วน FTSE Small Cap หุ้นเข้าใหม่ คือ KEX หุ้นออก คือ THAI และสุดท้าย FTSE Micro Cap หุ้นที่เข้าใหม่ ได้แก่ JR, NEX, NRF, RT, SA, SO ขณะที่ไม่มีหุ้นออก ทั้งหมดมีผลราคาปิด18 มิ.ย.64

 

โดยบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NRF ด้วยราคาเป้าหมายพื้นฐานปี 2565 ที่ 11.20 บาท โดยราคาหุ้นสมควรปรับตัวเพิ่มขึ้นรับการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วคาดในไตรมาส 2 ปี 2564 และการเติบโตของธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดแล้ว เบื้องต้นประมาณการกำไรหลักในไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตที่ประมาณ 40-45% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ด้วยสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เป็นจำนวนเงินที่ทรงตัว

รวมทั้งคาดยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2564 (เพิ่มขึ้นราว 60% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทำให้เกิดแรงหนุนจากการประหยัดขนาด โดยยอดขายคาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติกาลในไตรมาส 2/2564 จะมีแรงหนุนจากยอดขายธุรกิจอาหารพื้นเมืองที่จัดส่งล่าช้า (เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน), ยอดขายธุรกิจ e-commerce จากส่วนแบ่งของ Prime Labs ที่เข้ามาเต็มไตรมาส, ยอดขายธุรกิจสินค้า functional และยอดขายธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนที่ 32.5% ได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น170bps เมื่อเทียบจากปีก่อน

สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผลการดำเนินงานของธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เนื่องจากยอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 10% เมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก คาดว่ายอดขายจะทาสถิติใหม่ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3 ปี 2564 และไตรมาส 4 ปี 2564 ธุรกิจอาหารที่ทาจากพืชในสหราชอาณาจักรจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และคาดว่าจะมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาและกัญชงในไตรมาส 4 ปี 64

Back to top button