“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เตรียมเทรดพรุ่งนี้ตามนัด

ตลท. รับหลักทรัพย์ “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” หรือ ORI เริ่มซื้อขายพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาฯ-ก่อสร้าง จำนวนหุ้น IPO 150 ล้านหุ้น ราคา IPO ที่ 9 บ. โดยมีบล. กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เพิ่มสินค้ารับหลักทรัพย์หุ้นสามัญ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และเริ่มทำการซื้อขาย 7 ต.ค. 2558 กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

โดยจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท. 600,000,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว 600,000,000 หุ้น ราคา Par 0.50 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 300,000,000 บาท จำนวนหุ้น IPO 150,000,000 หุ้น ราคา IPO 9.00 บาท

สำหรับลักษณะธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริการจัดหาผู้เช่าห้องชุดและบริการรับจ้างบริหารโครงการนิติบุคคลอาคารชุดแก่โครงการที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาเท่านั้น

ด้าน นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ โดยเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตสูงจากทิศทางการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่อง 

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแบรนของ “ORI” ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นทั้งในกลุ่มของผู้ซื้อคอนโด และนักลงทุน รวมถึงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจให้กับบริษัท และผู้ซื้อคอนโดในระยะยาว”นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้พัฒนาโครงการในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในแถบรอบนอกกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งแนวเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ ดิ โอเชียน ไนท์บริดท์ ศรีราชา หลังจากมีการสำรวจพบว่า ศรีราชา  มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นทุกปี และจัดเป็นไฮไลน์สำคัญในด้านของทำเล และความสะดวกเรื่องการเดินทาง ซึ่งโครงการดังกล่าวเจาะกลุ่มลูกต่างชาวต่างชาติเป็นหลัก

อีกทั้งคาดว่าจะเปิดขายโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนโครงการใหม่ๆในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 3-4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท  จึงมั่นใจว่าบริษัทจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมภายในปี 2560 ได้อย่างแน่นอน

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 6 เดือนแรกของปี 58 บริษัทมีอัตราการทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 229.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,240% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,080.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 762% เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการทำยอดพรีเซล ได้สูงถึง 203%  เป็นผลจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งแต่ต้นปี 2558 จำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 3,175 ล้านบาท และมียอด Back Log ในมือ ณ สิ้นไตรมาส 2/58 ประมาณ 5,376 ล้านบาท

Back to top button