รีวิว 6 หุ้นเด็ดพุ่งแรง!รีเทิร์น 9 เดือนเกิน 100%

ในขณะที่สถานการณ์โดยรวมของตลาดหุ้นไทยปรับตัวสวนทางกับการคาดการณ์ในช่วงต้นปีของนักวิเคราะห์ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว (ม.ค.-ก.ย.58) พบว่ายังมีหุ้นน่าสนใจและให้รีเทิร์นเกิน 100% อยู่ 6 ตัว ซึ่งมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปี


ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค.-ก.ย.) ปรับตัวลงกว่า 10% มาที่ 1,349 จุด จาก 1,500 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีปีนี้มาแถว 1,450 จุด จากช่วงต้นปีที่ให้ไว้เป้าระหว่าง 1,500-1,650 จุด หลังภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมผันผวน แม้จะมีความพยายามจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศจากภาครัฐฯ ด้านยอดรวมนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปียังขายสุทธิ 1.08 แสนล้านบาท

ในขณะที่สถานการณ์โดยรวมของตลาดหุ้นไทยปรับตัวสวนทางกับการคาดการณ์ในช่วงต้นปีของนักวิเคราะห์ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว (ม.ค.-ก.ย.58) พบว่ายังมีหุ้นน่าสนใจและให้รีเทิร์นเกิน 100% อยู่ 6 ตัว ซึ่งมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปี

 

Stock เปิด สูงสุด ต่ำสุด ปิด เปลี่ยนแปลง % Change
APCS 2.24 8.00 2.22 7.65 5.41 241.52
GL 5.55 16.20 5.10 14.70 8.95 164.86
PTG 5.95 16.20 5.40 14.70 8.80 147.06
LIVE 0.33 0.93 0.31 0.79 0.46 139.39
TIPCO 6.30 15.30 6.30 14.90 8.50 136.51
TLUXE 3.02 13.70 3.02 7.10 4.02 135.10

*ข้อมูลราคาเปิดตลาด ณ วันที่ 5 ม.ค.58 และปิดตลาด ณ วันที่ 30 ก.ย.58

 

อันดับที่ 1 บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ APCS ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูงที่ทำจากโลหะ ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และอุตสาหกรรมกล้องถ่ายภาพดิจิตอล โดยราคา 9 เดือนแรกของปี 58 ปรับตัวขึ้น 241% ปิดที่ 7.65 บาท

ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร APCS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2558 โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2557 ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดต่ำสุดของบริษัทและกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ขณะที่ปีนี้ภาพรวมฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับบริษัทได้ลูกค้ารายเก่ากลับคืนมา นอกจากนี้ยังได้ออเดอร์เพิ่มในช่วงต้นปี จึงมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 2558 จะออกดี แม้บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ แต่มีการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อเพิ่มอัตรากำลังการผลิตชดเชย

ขณะที่ราคาหุ้น APCS ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 7.35 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุดที่ 7.40 บาท ต่ำสุดที่ 7.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.32 ล้านบาท

 

อันดับที่ 2 บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถญี่ปุ่นและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง, ให้บริการหลังการขาย, รับต่อภาษีทะเบียนรถจักรยานยนต์ กรมธรรม์ประกันภัย และ พ.ร.บ. โดยราคา 9 เดือนแรกของปี 58 ปรับตัวขึ้น 164% ปิดที่ 14.70 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า สินเชื่อในครึ่งหลังของปี 2558 จะเติบโตเป็นเท่าตัว เช่นเดียวกับกำไรของ GL จากการดำเนินงานที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง ด้านผลดำเนินงานในกัมพูชายังเติบโตแข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจใน สปป.ลาวที่เป็นประเทศที่สองที่เข้าไปลงทุนมีแนวโน้มดีมาก คาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558

สำหรับการขยายธุรกิจไปในอินโดนีเซีย ผ่านการร่วมทุนกับ PT J Trust Finance (GL ถือหุ้น 65%, J Turest 20% และพันธมิตรท้องถิ่นอีก 15%) มองว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีการบริโภคมากที่สุดในอาเซียน ธุรกิจไฟแนนซ์จึงมีแนวโน้มเติบโตดี คาดว่าบริษัทร่วมทุนจะจดทะเบียนแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ในเดือน ต.ค.2558

ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายเป็นผู้นำในธุรกิจไฟแนนซ์ในอาเซียนภายในปี 2563 โดยยังมองหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปในภูมิภาคต่ออีก เช่น เมียนมาร์, เวียดนาม และอื่นๆ ซึ่งหากประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าไว้ สัดส่วนรายได้จะมาจากต่างประเทศ 95% และไทย 5% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

ด้าน Valuation คาดว่า GL-W3 (145.6 ล้านหน่วย) และหุ้นกู้แปลงสภาพ (98.1 ล้านหุ้น) จะเข้ามาในไตรมาส 4 ปี 2558 ซึ่งทำให้ BVS สิ้นปี 2558 จะเพิ่มเป็น 6.21 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานใหม่ 21 บาท (เดิม 19 บาท)

ขณะที่ราคาหุ้น GL ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 14.20 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุดที่ 14.40 บาท ต่ำสุดที่ 13.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 64.50 ล้านบาท

 

อันดับที่ 3 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ทำธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้สถานีบริการน้ำมัน PT โดยราคา 9 เดือนแรกของปี 58 ปรับตัวขึ้น 147% ปิดที่ 7.65 บาท

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระบุว่า ผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังภาครัฐฯปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และมีนโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบสำหรับเกษตรกร รวมถึงผู้มีรายได้น้อยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าจะส่งผลดีกับทุกอุตสาหกรรม รวมถึงปริมาณการใช้น้ำมันในภาคการเกษตรและการขนส่งจะปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในสถานีบริการเดิม ทำให้ปริมาณการจำหน่ายโดยรวมและส่วนแบ่งในตลาดยังคงสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีแผนการลดปริมาณสำรองน้ำมันจาก ทำให้ไม่มีความเสี่ยงจากการขาดทุนสต็อก

ขณะที่ราคาหุ้น GL ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 14.70 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.68% สูงสุดที่ 14.80 บาท ต่ำสุดที่ 14.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 20.17 ล้านบาท

 

อันดับที่ 4 บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE ผู้ให้บริการจัดการช่องโทรทัศน์ดาวเทียม, ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์, ธุรกิจให้บริการระบบออกอากาศรายการโทรทัศน์ สตูดิโอ และอุปกรณ์ต่างๆ และธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณากลางแจ้ง

บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย เพื่อให้เหมาะสมคล่องตัวและสอดคลัองกับแกนการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยมีรูปแบบการประกอบธูรกิจในลักษณะโฮลดิ้งคอมพานี ประกอบธุรกิจด้านการลงทุน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นในแก่บริษัท โดยโครงสร้างธุรกิจของบริษัทจะประกอบไปด้วยการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจสื่อ 2) ธุรกิจประเภทรับเหมาก่อสร้าง 3) ธุรกิจประเภทพัฒนา และ 4) ธุรกิจประเภทพลังงาน

ขณะที่ราคาหุ้น LIVE ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 0.80 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 1.23% สูงสุดที่ 0.82 บาท ต่ำสุดที่ 0.78 บาท มูลค่าซื้อขาย 71.80 ล้านบาท

 

อันดับที่ 5 บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มบรรจุพร้อมดื่ม จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าหลัก TIPCO

ผู้บริหาร TIPCO เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 จะดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ มีกำไรสุทธิ 681 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้ไม่มีการตั้งสำรองเหมือนปีที่ผ่านมา (2557) ส่วนกำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการรับรู้กำไรจากการลงทุนใน บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทมีการรับรู้เงินปันผลจาก TASCO ประมาณ 110 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกในไตรมาส 3 ปี 2558

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) การที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องทำให้ TASCO ได้รับผลดีจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง และหากราคาหุ้นมีการปรับขึ้นทางบริษัทแม่คือ TIPCO ยังมี Upside เพิ่มอีก

ขณะที่ราคาหุ้น TIPCO ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 19.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.65% สูงสุดที่ 19.70 บาท ต่ำสุดที่ 18.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.87 พันล้านบาท

 

อันดับที่ 6 บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE ผู้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร FEED-FARM-FOOD

ผู้บริหาร TLUXE คาดรายได้รวมปี 2558 จะเป็นตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 3 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรหลังปี 2557 ที่มีผลขาดทุน 10.85 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดบริษัทจับมือกับบริษัท นิปปอน แพ็ค(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP ตั้งบริษัทย่อย เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงขยายช่องทางธุรกิจ

ขณะที่ราคาหุ้น TLUXE ปิดวานนี้ (6 ต.ค.) ที่ 7.00 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.72% สูงสุดที่ 7.05 บาท ต่ำสุดที่ 6.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 12.19 ล้านบาท

 

ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสในการลงทุนหุ้นรายตัวซึ่งให้ผลตอบแทนน่าสนใจ แม้ภาพรวมตลาดจะอ่อนตัวกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย

 

*อนึ่ง ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button