ประมูลคลื่น 900 MHz ฉุดหุ้นสื่อสารDTAC อ่วม ร่วงหนักสุดเกือบ 10%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เข้าร่วมการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 58 เวลา 9.00 น. ถึง 19 ธ.ค. 58 เวลา 00.15 น. ที่ผ่าน โดยใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่า 60 ชั่วโมง และมูลค่าในการประมูลครั้งนี้สามารถทุบสถิติโลกเป็นที่เรียบร้อย


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เข้าร่วมการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 58 เวลา 9.00 น. ถึง 19 ธ.ค. 58 เวลา 00.15 น. ที่ผ่านมา โดยใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่า 60 ชั่วโมง และมูลค่าในการประมูลครั้งนี้สามารถทุบสถิติโลกเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลคลื่น 900 MHz ในชุดที่ 1 คลื่น 895-905 MHz คู่กับ คลื่น 940-950 MHz ได้แก่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ราคาสุดท้ายที่ 75,654 ล้านบาท ส่วนชุดที่ 2 คลื่น 905-915 MHz คู่กับ คลื่น 950-960 MHz ได้แก่ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ราคาสุดท้ายที่ 76,298 ล้านบาท ราคารวม 151,952 ล้านบาท

ส่วนผู้ที่ไม่ชนะการประมูล คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด เสนอราคาคลื่นความถี่ชุดที่ 2 ด้วยราคาสุดท้าย 75,976 ล้านบาท และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เสนอราคาคลื่นความถี่ชุดที่ 1 ด้วยราคาสุดท้ายที่ 70,180 ล้านบาท

จากการประมูลที่ผ่านส่งผลให้ราคาหุ้นดังกล่าวมีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง หลังนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าราคาการประมูลจะสูงเกินไป อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตัวเต็งที่คาดว่าจะชนะการประมูลครั้งนี้ คือ ADVANC และ DTAC ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยเทขายอย่างหนัก ด้าน TRUE ปรับตัวลงเล็กน้อย ส่วน JAS ทรงตัว ขณะที่ภาพรวมราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่เริ่มการประมูลคลื่น 900 MHz พบว่า DTAC ปรับตัวลงมากที่สุดเกือบ 10% (ดูตารางประกอบด้านล่าง)

table-4G

ราคาปิด ณ วันที่ 14-18 ธ.ค.58

 

เริ่มต้นที่อันดับ 1 บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ราคาในช่วงที่ประมูลปรับตัวลง 9.52% คาดกำไรปีหน้าคงที่ 7,400 ล้านบาท แต่มีความเสี่ยงสูงที่ลูกค้าย้ายจะย้ายคลื่น นอกจากนี้คลื่นเดิม 2G (1800 และ 850) จะหมดอายุใน 3 ข้างหน้านี้จะเหลือแค่คลื่น 2100 หรือ 3G อย่างเดียว 15 MHz

ขณะที่ราคาหุ้น DTAC ปิดวันศุกร์ ( 18 ธ.ค. ) อยู่ที่ 38.00 บาท ลบ 4.25 บาท หรือ 10.06% สูงสุด 41.50 บาท ต่ำสุด 38.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 774.80 ล้านบาท

 

อันดับที่ 2 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาในช่วงที่ประมูลปรับตัวลง 0.52% คาดว่าจะมีกำไรปีหน้าราว 41,000 ล้านบาทนั้น ยังมีความกังวลว่าลูกค้าคลื่น 900 เดิมจะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ไม่แสดงความกังวลต่อกรณีดังกล่าวมากนัก

ขณะที่ราคาหุ้น ADVANC ปิดวันศุกร์ ( 18 ธ.ค. ) อยู่ที่ 193.00 บาท ลบ 6.00 บาท หรือ 3.02% สูงสุด 198.00 บาท ต่ำสุด 193.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,724.50 ล้านบาท

 

อันดับที่ 3 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ราคาในช่วงที่ประมูลปรับตัวขึ้น 0.69% ซึ่งแสดงความต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของค่ายมือถือในประเทศไทยจากการประมูลครั้งล่าสุดนั้น ปีหน้าคาดมีผลขาดทุนราว 8,700 ล้านบาท และคาดจะต้องมีการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน

ขณะที่ราคาหุ้น TRUE ปิดวันศุกร์ ( 18 ธ.ค. ) อยู่ที่ 7.25 บาท ลบ 0.10 บาท หรือ 1.36% สูงสุด 7.40 บาท ต่ำสุด 7.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 763.28 ล้านบาท

 

อันดับสุดท้าย บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ที่สามารสร้างความตกตะลึงให้วงการสื่อสารไทย ราคาในช่วงที่ประมูลปรับตัวขึ้น 4.37% คาดจะขาดทุนปีหน้าราว 5,500 ล้านบาท จึงต้องมีการเพิ่มทุน และเชื่อว่าการที่บริษัทกล้าเข้าประมูลในรอบนี้ด้วยราคาที่สูง บริษัทอาจมีพันธมิตรที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมีการคาดการว่าจะเป็นพันธมิตรจากเกาหลี, หัวเหว่ย หรือ ไชน่าเทเลคอม ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะมาลงทุน

ขณะที่ราคาหุ้น JAS ปิดวันศุกร์ ( 18 ธ.ค. ) อยู่ที่ 4.78 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุด 4.84 บาท ต่ำสุด 4.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,611.71 ล้านบาท

 

อนึ่ง บทความข้างต้นเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในช่วงเวลาที่มีการประมูล 4G คลื่น 900 MHz เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แนะนำให้จับตาดูผลกระทบเชิงอุตสาหกรรมในอนาคตเมื่อ JAS ซึ่งพร้อมเดินหน้าเข้ามาเป็นรายใหม่ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและได้ประโยชน์มากขึ้น หลังยุคตลาดผูกขาดจากการแข่งขันทางธุรกิจของ 3 ค่ายมือถือ

ขณะที่บล.กสิกรไทย ประเมินว่าการที่ JAS และ TRUE ชนะประมูลคลื่น 900MHz เป็นลบต่อกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากถือว่ามีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด น่าจะส่งผลลบต่อแนวโน้มการเติบโตของรายได้กลุ่มสื่อสารโดยรวม และมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button