น้ำมันดิบปิดปรับลง ตลาดวิตกอุปทานสูง-ดอลล์แข็งค่า

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยในระหว่างวัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 97 เซนต์ หรือ 3.1% ปิด (12 ม.ค.) ที่ 30.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2546 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ปรับลง 69 เซนต์ หรือ 2.2% ปิดที่ 30.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2547

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป โดยเฉพาะหากอิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากที่ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

รายงานระบุว่า กระแสคาดการณ์ที่ว่าอิหร่านจะเริ่มส่งออกน้ำมันดิบนั้น ส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียออกมาเคลื่อนไหวด้วยการปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับลูกค้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปและลูกค้าในแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับอิหร่าน ซึ่งกำลังกลับเข้าขายน้ำมันในตลาดโลก หลังชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

ด้านนักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย สำหรับรายงานคาดการณ์ราคาน้ำมันล่าสุดของ EIA ซึ่งได้มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น EIA คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ และ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 38 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ และ 37 ดอลลาร์/บาร์เลในปีหน้า

Back to top button