หมดข่าวร้ายแล้ว??พลวัต 2016

ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเปิดเผยออกมาแล้ว เลวร้ายกว่าที่คาด แต่ตลาดหุ้นกลับขานรับเชิงบวก ไม่ได้เทขายมากมาย แต่กลับมีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีตั้งแต่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเอเชียทั้งลหายบวกกันทั่วหน้าเมื่อวานนี้ เรียกว่าเขียวยกแผง


วิษณุ โชลิตกุล

 

ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเปิดเผยออกมาแล้ว เลวร้ายกว่าที่คาด แต่ตลาดหุ้นกลับขานรับเชิงบวก ไม่ได้เทขายมากมาย แต่กลับมีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีตั้งแต่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเอเชียทั้งลหายบวกกันทั่วหน้าเมื่อวานนี้ เรียกว่าเขียวยกแผง

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายวานนี้ ร้อนแรงสมราคาทีเดียว เพราะทะยานมากกว่า 20 จุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ดีดตัวขึ้นกว่า 3% และยังมีลุ้นว่ารัฐบาลจีนอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก หลังจากอัดฉีดสภาพคล่องล่าสุดให้ตลาดเงินไปเมื่อวันก่อน 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งสื่อสาร พลังงาน และแบงก์ หนุนให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมสดใสขึ้น

แม้แต่ตลาดในยุโรปที่เปิดเทรดในช่วงบ่ายนี้ต่างก็อยู่ในแดนบวกด้วย ทั้งที่ตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อเดือนธันวาคม ปรับตัวลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหากเทียบเป็นรายปีพบว่า ดัชนี CPI เดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.3% ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายระยะกลางของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งส่งสัญญาณว่า ความพยายามของ ECB ที่จะผลักดันเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ยังอยู่ห่างไกลมาก

นักวิเคราะห์คาดกันว่า แรงซื้อที่เข้ามาในตลาดฯน่าจะเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาเก็บหุ้นในช่วงที่ราคาหุ้นยังต่ำอยู่ ทำให้เห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มหลักๆ ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า  พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด ซึ่งสะท้อนว่ายังมีความระวังระไวมากพอสมควร ว่าตลาดจะยังคงผันผวน ขึ้นไปไม่ได้ไกลนัก เพียงแค่ต้องย่ำฐานระยะหนึ่ง จนกว่าความกังวลเรื่องราคาน้ำมัน และเศรษฐกิจจีนจะเบาบางลงไป

ข้อดีที่เห็นได้ชัดเมื่อวานนี้คือ นักวิเคราะห์หุ้นไทยไม่ได้ใช้สูตรสำเร็จของจิตวิทยาแบบ “มะนาวหวาน” มาพยายามบอกว่า การร่วงลงของราคาหุ้นนั้น ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งจากภายใน ผลกระทบที่ไทยได้รับนั้น สามารถแก้ไขได้ด้วยมุมมองเชิงบวก หากในต่างประเทศสามารถให้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ ซึ่งไม่ได้ให้คำตอบที่ดีกับนักลงทุนได้เลยว่า ตลาดหุ้นจะพลิกกลับจากภาวะหมี ขึ้นมาเป็นสภาวะกระทิงได้อย่างไร

ภาวะราคาน้ำมันที่อิหร่านยังคงแสดงบทผู้ร้ายในการข่มขู่ว่าพร้อมจะส่งออกน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกเพิ่มอีกวันละ 5 แสนบาร์รเลภายใน 6 เดือนข้างหน้า ก็ยังมีคำถามว่าเป็นแค่คำขู่ หรือเป็นปฏิบัติการจริง

ข่าวร้ายที่รอประกาศตัวเอกมาในระยะต่อไปข้างหน้า เป็นที่คาดหมายว่า จะยังคงถูกผลิตออกมาเป็นระยะๆ ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความกังวลว่าจะเกิดภาวะหมีครอบงำตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เพราะข่าวทั้งหลาย ทำลายความคาดหวังในเชิงบวกว่า ก้นเหวของตลาดหุ้นโลกได้ผ่านไปแล้ว ให้เหลือเป็นแค่มายาภาพ เพราะแท้ที่จริงแล้ว ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงก้นเหว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของจีน หรือ ราคาน้ำมัน

คำปลอบใจของนักวิเคราะห์หรือโบรกเกอร์ต่างชาติที่บอกว่า ต่างชาติอาจจะกลับเข้ามาใหม่ในตลาดหุ้นและตลาดทุนไทย ประมาณกลางเดือนมีนาคม และโอกาสที่สิ้นปีหน้าดัชนีจะทะลุไปที่เหนือ 1,600 จุด ยังเป็นแค่ “บัลลังก์เมฆ” ที่เลื่อนลอย แต่อย่างน้อยก็ส่งสัญญาณว่า ในช่วงเวลาของเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคมจะยังเป็นช่วงซบเซาของตลาดทุนไทย ที่ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะขาขึ้นมีขีดจำกัด และอาจจะต้องลงไปหาแนวรับใหม่เสียก่อน

โจทย์ใหญ่สำคัญคือ ในสองเดือนเศษข้างหน้านี้ ตลาดหุ้นจะร่วงลงไปแค่ไหน หรือขึ้นได้แค่ไหน ก่อนที่ต่างชาติจะกลับคืนมา เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงคาดเดาผลประกอบการงวดสิ้นปีของบริษัทจดทะเบียนทั้งหลาย (ยกเว้นบางบริษัทที่มีงบไม่เหมือนบริษัททั่วไป)

หลายวันมานี้ หุ้นธนาคารพาณิชย์ไทย ประกาศงบการเงินไตรมาส 4 และงวดสิ้นปี ออกมาดูดีเกินคาด แม้จะลดลง แต่ก็ดีเกินคาด ทำให้บรรยากาศดูดีขึ้น แต่งบบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาจำนวนมาก หลายบริษัทอาจจะไม่ได้ดีตามที่คาดเอาไว้ น่าจะเป็นแรงกดดันที่สำคัญ

ผสมโรงกับปัญหาซ้ำซ้อนของการที่ ราคาน้ำมันที่ยังจะต่ำไปจนถึงสิ้นปี2559 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ดีกว่ากันเพราะปริมาณล้นโลก เศรษฐกิจจีนที่ยังต้องพึ่งพาการแทรกแซงของรัฐให้พ้นจากสภาพฮาร์ดแลนดิ้ง และความผันผวนของค่าเงินจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ไม่อาจจะมองข้ามได้เลย แม้ว่าอาจจะไม่ทำให้เกิดความเลวร้ายเสียทั้งหมดแต่ก็ถือเป็นปัจจัยถ่วงขาขึ้นของตลาดได้ง่าย

จริงอยู่ ทุกคนในตลาดหุ้น คาดหมายว่า ปี 2558 ที่ผ่านไปแล้ว น่าจะเป็นปีของ Annus horribilis muj แปลว่า ช่วงปีอันเลวร้าย เพื่อสะท้อนอารมณ์ร่วมของคนในสังคม และคาดหมายว่าปีนี้จะไม่ใช่อย่างที่หลายคนคาดการณ์ว่าปีที่แล้วเผาหลอก แต่ปีนี้เผาจริง  แต่ก็ไม่ได้มีหลักประกันอะไรเลยว่าความคาดหวังดังกล่าวจะเป็นจริงเสมอไป

คนที่เข้าซื้อหุ้นเมื่อวานนี้ตามแรงซื้อและสีเขียวของกระดาน จะต้องเตือนสติตนเองว่า ข่าวร้ายยังมีเหลือยู่ และยังคงต้องเผชิญกันต่อไป ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบในการเข้าสู่ตลาด

            

Back to top button