น้ำมันดิบปิดร่วงหลังอิรักผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบของอิรักพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ไม่มีแนวโน้มจัดประชุมฉุกเฉิน แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างมากก็ตาม


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 30.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 30.5 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของอิรักพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค. หลังจากที่บ่อน้ำมันในภูมิภาคตอนกลางและใต้ของประเทศให้ผลผลิตน้ำมันสูงถึง 4.13 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า โอกาสที่โอเปกจะจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางกระตุ้นราคาน้ำมันที่กำลังตกต่ำในขณะนี้ มีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากมีสมาชิกโอเปกเพียง 1 ประเทศเท่านั้นที่สนับสนุนให้มีการจัดการประชุมดังกล่าว

ด้านนายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการโอเปก กล่าวว่า เขาเห็นสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าตลาดกำลังปรับตัวสู่ภาวะสมดุล พร้อมกับกล่าวว่า โอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด เพื่อให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค. เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 486.5 ล้านบาร์เรล ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย

Back to top button