ฟินกันถ้วนหน้า! เปิด 15 หุ้นมาแรงรีเทิร์นเกิน 20% ภายในเดือนเดียว

คัดสุดยอด 12 หุ้นเด่นประจำเดือนม.ค. 59 โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกจากหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 20% สวนภาวะตลาดที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ


คัดสุดยอด 12 หุ้นเด่นประจำเดือนม.ค. 59 โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกจากหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 20%  สวนภาวะตลาดที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นเกิน 20% ในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.58 จนถึงวันที่ 29 ม.ค.59 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปัจจัยลบรอบด้าน ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาค่อนข้างมาก แต่ยังมีหุ้นแข็งแกร่งที่สามารถปรับตัวขึ้นสวนกระแสดังกล่าวอยู่อีกไม่น้อย ซึ่งได้คัดเลือกมาทั้งหมด 12 บจ. ดังนี้

 

อันดับแรก บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอยู่หลายวันต่อเนื่อง ซึ่งตลท.ได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการที่สำคัญที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งบริษัทชี้แจงว่าไม่มีพัฒนาการที่มีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าจับตาว่าราคาหุ้น JTS จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมซึ่งก่อนหน้านี้ครม.เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินโครงการเพื่อนำสายไฟฟ้าอากาศลงสู่ใต้ดินในเขตกรุงเทพฯ คาดว่า JTS จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับงานดังกล่าว

นอกจากนี้จากกรณีที่บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ชนะมูล 4G คลื่น 900 MHz นั้น จะต้องมีการวางระบบจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า JTS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS มีแววได้รับงานวางระบบด้วย

 

อันดับที่ 2 บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT โดยผู้บริหาร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีแนวโน้มพลิกกลับมาทำกำไรหลังงวด 9 เดือนขาดทุน 70 ล้านบาทจากต้นทุนที่ลดลง โดยในไตรมาสดังกล่าวจะมีการออกสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรให้เริ่มกลับมาดีขึ้น ขณะที่คาดว่าบริษัทจะสามารถกลับมามีกำไรในปี 59

 

อับดับที่ 3 บริษัท เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ACD โดยบริษัทระบุว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการจะพลิกกลับมาเป็นกำไรเมื่อเทียบกับปี 58 หลังล่าสุดธุรกิจได้เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัทโอริน พร็อพเพอร์ตี้ เจ้าของโครงการ คอนโด ออริจินส์ บางมด-พระราม 2 น่าจะสามารถโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/59

 

อันดับที่ 4 บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC โดยบริษัทระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีตามความต้องการใช้ถังแก๊สทั้งในและต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่ง SMPC มีคำสั่งซื้อรองรับล่วงหน้าแล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาส 4 จะพุ่งขึ้น เป็น 85-90% จากไตรมาส 3 ซึ่งอยู่ที่ 76% ส่งผลบวกต่อรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้น

 

อันดับที่ 5 บริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) หรือ GENCO โดยบริษัทระบุว่าสำหรับภาพธุรกิจปี 59 คาดว่ากำไรสุทธิและรายได้จะเติบโตสูงทำสถิติครั้งใหม่ ซึ่งเป็นปีที่บริษัทอาจจะพิจารณาจ่ายปันผลคืนให้กลุ่มผู้ถือหุ้นตามนโยบาย 50% ของกำไรสุทธิ

 

อันดับที่ 6 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIGโดยบริษัทระบุว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ปี 58 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 4 เป็น High Season ทั้งการขายกล้องและการท่องเที่ยว

 

อันดับที่ 7 บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 โดยบริษัทคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/58 คาดว่าจะออกมาดีเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจแล้ว COM7 ยังได้รับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาล

ขณะที่ตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 15% จากปีก่อน และคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่อง หลังประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีมีทิศทางเป็นบวก ขณะที่จะยังมีการขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมทั้งเจรจากับพันธมิตรเพื่อขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม และเมียนมาร์

 

อันดับที่ 8 บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT โดยบริษัทระบุว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ที่ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 5-8% จากปีก่อน และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้วที่มีอัตราเฉลี่ย 11-12% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวลง ได้แก่ ข้าวโพด และกากถั่วเหลือง

 

อันดับที่ 9 บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART โดยบริษัทระบุว่า บริษัทตั้งเป้าปี 59 รายได้รวม 2.4 หมื่นล้านบาท โดยมาจาก บริษัท สามารถเทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL และบริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM

 

อันดับที่ 10 บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM โดยบริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 59 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจากบริษัทมีสต็อกเหล็กสำรองไว้ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยสามารถรองรับงานได้กว่า 4 เดือน

ขณะที่คาดว่ารายได้ปี 59 จะอยู่ที่ 3 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปี 58 เป็นไปตามต้นทุนวัตถุดิบเหล็กที่ปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ 15 บาท ต่อกิโลกรัม ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 18 บาท ต่อกิโลกรัม แม้ปริมาณขายจะมากขึ้นแต่เมื่อกลับมาเป็นรายได้ทำให้รายได้ลดลงไปบ้าง

 

อันดับที่ 11 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยบล.ทรีนิตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินช่วงปี 58-61 กำไรของ TKN ยังเติบโตสูง โดยคาดกำไรสุทธิในช่วง 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ยราวปีละ 17% และสำหรับปี 58-59 คาดกำไรสุทธิไว้ที่ 367 ล้านบาท และ 441 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยมีปัจจัยหนุนจากการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่โรจนะ ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมมากกว่าเท่าตัวเพื่อรองรับการขยายตลาดในต่างประเทศ และการปรับปรุงโรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อหน่วยลดลงในภาพรวมจึงมองยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับสุดท้าย บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR โดย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำหุ้น BR ให้ราคาเป้าหมาย 8 บาท หลังบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตด้วยการเริ่มขยายกำลังการผลิตที่จังหวัดสระแก้วในปีนี้ และการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียในไม่ช้านี้จะช่วยขยายตลาดส่งออกของ BR อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ในช่วงเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคาดว่ายอดขายเป็ดจะดีขึ้น เนื่องจากประชาชนจะซื้อของไหว้ ซึ่งจะหนุนให้รายได้ไตรมาส 1/59 เติบโตได้ดี

 

ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นทั้งหมด 12 บจ. สามารถปรับตัวขึ้นเกิน 20% ภายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยซบเซา อีกทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัว แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของบจ.ดังกล่าวสามารถบริหารธุรกิจได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และกล้าที่จะถือหุ้นในระยะยาว

 

*อนึ่ง ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button