บล.โกลเบล็ก มอง SET ก.พ.ผันผวน แนะสะสม 4 หุ้นเด็ดมีปัจจัยบวก

บล.โกลเบล็ก มอง SET ก.พ.แกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,270–1,320 จุด แนะสะสม 4 หุ้นเด็ดมีปัจจัยบวก-งบฯเติบโต


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินกลยุทธ์การลงทุนซื้อดักงบและปันผลปี 58 ที่จะทยอยประกาศในเดือน ก.พ.59 จะเป็นตัวช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรงมากนัก โดยคาดว่า SET ในเดือนนี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,270 – 1,320 จุด
โดยแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ก.พ.59 คาดว่าจะมีแรงซื้อดักงบและปันผลปี 58 ที่จะทยอยประกาศในเดือน ก.พ.ซึ่งจะช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรงมากนัก จากแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขการขอรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ ซึ่งอาจทำให้กรีซล้มละลาย และออกจากยูโรโซน

ทั้งนี้ ล่าสุดนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ได้ออกมากล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า เนื่องจากปัจจัยจากสภาวะที่ตึงตัวในตลาดการเงินที่มีสาเหตุจากการดิ่งลงของราคาหุ้น, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระดับโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐให้อ่อนแอลง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อทิศางดอกเบี้ยประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวนสูง จาก Oversupply และกลุ่มใน-นอกโอเปกไม่สามารถตกลงมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันกันได้

สำหรับหุ้นที่เด่นน่าสนใจ อันดับแรก KCE โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าในปี 59 จะเป็นปีที่บริษัทเติบโตอย่างมากหลังจากบริษัทจากการเปิดใช้โรงงานใหม่เฟส 2 ได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/59 ที่ช่วยประหยัดต้นทุนรวมถึงอัตราการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 59 จากความต้องการสินค้าที่มากขึ้นส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมากเทียบกับปี 58 โดยจะเติบโตมากในช่วงไตรมาส 3/59 หลังจากค่าใช้จ่ายคงที่หมดลง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,792 ล้านบาทเติบโต 26% เทียบจากปีก่อน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คาดว่าปี 59 จะเป็นปีที่โดดเด่นอีกปีหนึ่งของบริษัท จึงแนะนำ “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 91 บาท

อับดับ 2 หุ้น PTT คาดว่ากำไรปี 59 จะกลับมาเติบโต 203% สู่ 66,590 ล้านบาทเนื่องจากราคาน้ำมันและราคาโอเลฟินส์เริ่มทรงตัวอีกทั้งคาดว่าจะไม่มีการบันทึกด้อยค่าในสินทรัพย์เหมือนปี 58 นอกจากนี้สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้มีความต้องการน้ำมันมาใช้สร้างความอบอุ่นทำให้มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะรีบาวด์ได้ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจสำรวจและผลิตของ PTT จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 307 บาท

อันดับ 3 หุ้น SYNEX คาดว่าปี 58 จะรายงานกำไรสุทธิราว 337 ล้านบาทซึ่งเติบโตกว่า 86%จากปี 57 เนื่องจากปี 58 มีการจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนให้แก่แบรนด์ HUAWEI อีกทั้งยอดขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเติบโตขึ้นอย่างมาก อีกทั้งมีการพัฒนาการทำงานของคลังสินค้าและการบริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงช่วยหนุนกำไรเพิ่มเติมสำหรับปี 59 คาดรายได้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 5-8% จากการขยายตลาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เกี่ยวข้องไปยังภาครัฐเพิ่มขึ้นเพราะในปี 59 ภาครัฐยังคงมีการขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องจึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท

ส่วนอันดับสุดท้ายหุ้น PS ซึ่งเป็นผู้นำตลาดบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำไห้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาฯ คาดกำไรปี 58 ราว 7.5 พันล้านบาทซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปี 557 ที่มีกำไร 6.65 พันล้านบาท เติบโต 13% แนวโน้มกำไรยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 1/59 เนื่องจากมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาฯจะสิ้นสุดปลายเดือน เม.ย.59

นอกจากนี้ ยังแนะนำ Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกและซื้อสะสมหุ้นที่งบเติบโตขึ้น อาทิ กลุ่ม High Dividend INTUCH, ADVANC และ KTB, กลุ่ม High season การท่องเที่ยวและต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง AOT,BAและAAV รวมทั้งกลุ่มที่คาดว่างบปี 58 และไตรมาส 4/58 เติบโตขึ้น อาทิ EPG, FSMART, KCE,TVT,BEAUTY, EA, SYNEX,SPALI,ORI และ UBIS

ด้าน นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ราคาทองคำแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยที่เข้ามากระทบได้แก่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม จากระดับ 262,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง บวกกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาน้ำมันดิบปรับลงอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังไม่มีแนวโน้มตกลงกันได้เกี่ยวกับการใช้มาตรการลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมัน

อีกทั้ง IEA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้และระบุว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะยังคงอยู่ต่อไปได้สร้างความกังวลถึงผลกระทบต่อกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและบริษัทพลังงานทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรงส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นเข้ามาลงทุนในทองคำแทนขณะที่ประธานเฟดออกมากล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า เนื่องจากปัจจัยจากสภาวะที่ตึงตัวในตลาดการเงินที่มีสาเหตุจากการดิ่งลงของราคาหุ้น, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระดับโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐให้อ่อนแอลง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อทิศางดอกเบี้ย ขณะที่ถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

โดยประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยราคาทองฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่หลังพักตัวลดความร้อนแรงไม่หลุดแนวรับขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน การขึ้นมาทำจุดสูงใหม่ด้วยการต่อยอดขาขึ้นแท่งเทียนสัญญาณบวก และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้นทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อโดยให้แนวรับ 1,170-1,165 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,260-1,265 เหรียญต่อทรอยออนซ์

Back to top button