น้ำมันท่วมตลาดหุ้น (ไทย)

สถานการณ์ราคาน้ำมันช่วงนี้ยังคงเป็นภาพแย่ๆ เดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนหน้าแต่อย่างใด


–ตามกระแสโลก–

 

สถานการณ์ราคาน้ำมันช่วงนี้ยังคงเป็นภาพแย่ๆ เดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนหน้าแต่อย่างใด

ปัจจัยพื้นฐานในด้านซัพพลาย-ดีแมนด์ ยังถือเป็นตัวกดดันราคาอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งปัจจัยข้อนี้โดนผลกระทบมาจากทั้ง 2 ส่วน

ทั้งในแง่ของ อุปทานส่วนเกิน (Excess Supply) และ อุปสงค์ส่วนขาด (Demand Shortage)

โดยสาเหตุหลักของน้ำมันที่ล้นโลกอยู่ ณ ขณะนี้ เนื่องมาจากการแข่งขันในด้านกำลังการผลิตเพื่อรักษาไว้ซึ่งส่วนแบ่งตลาด

ส่วนกิจกรรมการใช้น้ำมันที่ลดลงก็เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างที่รู้กัน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จีน ยุโรป และญี่ปุ่น

ขณะที่ ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพยายามสร้างกระแสว่า วิกฤตราคาพลังงานกำลังเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกันเองในกลุ่มประเทศสมาชิกของโอเปค ในเรื่องของการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน

หรือล่าสุด ที่มีการเจรจาร่วมกัน 4 ชาติ ประกอบด้วย ซาอุฯ กาตาร์ เวเนซุเอลา และรัสเซีย เพื่อลดกำลังการผลิต    

ซึ่งในท้ายที่สุด ผลก็ออกมาดังเช่นที่เราเห็นกัน คือ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาซักอย่าง!!

หากจะมีบ้าง ก็แค่ในช่วงแรกที่เห็นราคาน้ำมันมีสัญญาณดีดตัวกลับ จากแรงซื้อเก็งกำไรในสัญญาล่วงหน้า

การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ เป็นแค่ปาหี่ ที่ซาอุฯแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาเท่านั้น

ในรายของ เวเนซุเอลา และ รัสเซีย น่ะต้องการให้ผู้ผลิตทั่วโลกลดกำลังผลิตจริง เพราะกำลังเผชิญกับภาวะอดอยากปากแห้ง

แต่ซาอุฯนี่ซิ อยากให้ราคาน้ำมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้ต่อไป เพื่อเป็นการบีบให้ผู้ผลิตเจ้าอื่นทยอยตายตามกันไป

ตัวเองจะได้กลับขึ้นมาเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายราคาน้ำมันได้อย่างเบ็ดเสร็จมากขึ้น เพราะยังไงก็เป็นผู้ครอบงำกลุ่มโอเปคอยู่แล้ว

แถมต้นทุนผลิตน้ำมันก็ไม่ถึง 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ยอมขาดทุนกำไรนิดหน่อย แต่ผลที่ได้กลับมามันช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ

อีกอย่าง ถ้านำประเด็นเรื่องอิหร่านเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง หลังถูกปลดล๊อคมาตรการคว่ำบาตร มาคิดรวมด้วย

จะเกิดความมั่นใจว่า ราคาน้ำมันคงทรุดอยู่ในระดับต่ำกว่า 45 ดอลลาร์เช่นนี้ ไปอีกอย่างน้อยก็ครึ่งปีแรก

อิหร่านสามารถเติมอุปทานเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่จะส่งผลกระทบต่อราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาน้ำมันคงยังจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการลงทุนไปอีกพักใหญ่ๆทีเดียว

โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ช่วงนี้จะดูภาวะโดยรวมจากดัชนีไม่ได้นะครับ ต้องอย่าลืมว่า หุ้นพลังงานกินน้ำหนักมากสุดในตลาด

เพราะฉะนั้น วันไหนที่หุ้นขึ้นอาจไม่ได้หมายถึงตลาดดี หรือกลับกัน หากวันไหนหุ้นลง มันก็อาจจะไม่ได้หมายถึงตลาดไม่ดีเช่นกัน

ภาวะดัชนีบิดเบือนจากความเป็นจริง หรือ Distortion Indexเกิดขึ้นได้เสมอครับ เป็นเรื่องที่ควรดูให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

ดีที่สุด สำหรับภาวะแบบนี้ ต้องเลือกโฟกัสไปเป็นรายตัวหรือรายกลุ่มไปก่อน แล้วถึงเอาภาพรวมของดัชนีมาประกอบอีกทีหนึ่ง

Back to top button