วาระสุดท้ายนาจิบ ราซัคพลวัต 2016

แล้วในที่สุด ความพยายามของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ที่ต้องการปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ รวมทั้งเอาใบบัวมาปิดช้างตาย ก็ล่มสลาย รอวันที่จะถูกเชือดจนเละเทะ หลังจากที่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ 1MDB หรือ 1Malaysia Development Bhd. เบี้ยวดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระครั้งที่สอง และ IPIC - Abu Dhabi’s International Petroleum Investment Co. ผู้ร่วมค้ำประกันเงินกู้จากอาบูดาบีก็ร่วมเบี้ยวไปด้วย


วิษณุ โชลิตกุล

 

แล้วในที่สุด ความพยายามของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ที่ต้องการปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ รวมทั้งเอาใบบัวมาปิดช้างตาย ก็ล่มสลาย รอวันที่จะถูกเชือดจนเละเทะ หลังจากที่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ 1MDB หรือ 1Malaysia Development Bhd. เบี้ยวดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระครั้งที่สอง และ IPIC – Abu Dhabi’s International Petroleum Investment Co. ผู้ร่วมค้ำประกันเงินกู้จากอาบูดาบีก็ร่วมเบี้ยวไปด้วย

มูลค่าของดอกเบี้ยค้างชำระอาจจะแค่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากคิดจากยอดวงเงินตราสารหนี้ 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่เป็นเงินต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยปีละ 5.75% ย่อมไม่ใช่ตัวเลขธรรมดา เพราะยังมีการเปิดโปงก่อนหน้านี้ว่ามีเงินที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยของ 1MDB อีก 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะต้องสะสางต่อไปอีกยาวนาน

การเบี้ยวหนี้ดังกล่าว ถูกคาดเดามาก่อนแล้ว หลังจากที่ 1MDB กับ IPIC เปิดศึกทางศาลว่า ใครควรจะเป็นผู้ที่ต้องชำระดอกเบี้ยเงินกู้ 2 งวดที่ครบกำหนดชำระมาแล้ว

การเบี้ยวหนี้ดังกล่าว มีเค้าฉาวโฉ่ครั้งใหม่ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่ออัยการสวิตเซอร์แลนด์ ร้องขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลมาเลเซีย หลังตรวจสอบพบว่าเงินสดราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ถูกยักยอกออกไปจาก 1MDB อย่างเป็นปริศนา และเงินบางส่วน ถูกโอนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปยังบัญชีเงินฝากในสวิตเซอร์แลนด์ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลเซียทั้งในอดีตและปัจจุบัน

กรณีดังกล่าวโยงใยเข้ากับประธานกรรมการบริหาร โกลด์แมน แซคส์ ของสหรัฐฯประจำภูมิภาคอาเซียน จนต้องเผ่นออกจากสิงคโปร์ไปกบดานในมุมมืด เพราะเป็นคนสำคัญที่ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและการธนาคาร และ นักการเมืองชั้นนำ เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ (M&A) ที่มีมูลค่าสูงถึง 18.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปี จนโกลด์แมน แซคส์ กลายเป็นธนาคารต่างชาติติดอันดับที่มีส่วนแบ่งทางตลาดสูงถึง 20.3% นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

มีข้อมูลชัดเจนว่า โกลด์แมน แซคส์ อยู่เบื้องหลังจัดการขายตราสารหนี้ 3 ครั้งของ 1MDB มูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2012-2013 โดยที่ โกลด์แมน แซคส์ ได้รับเงินค่าธรรมเนียมและจัดการมากถึง 593 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าธรรมเนียมและจัดการตามปกติในมาเลเซีย

ข้อสันนิษฐานว่าค่าธรรมเนียมเกินจริง ถูกโอนเข้ากระเป๋าส่วนตัวใครบางคนรอบๆ ตัวนาจิบ ราซัค ถกตั้งขึ้นมา และไม่มีคำตอบ

เรื่องฉาวนี้ เป็นประเด็นใหญ่มากนับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมปีที่แล้ว สื่อตะวันตกอย่าง The Wall Street Journal ของสหรัฐฯ ลงข่าวว่า 1MDB ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ได้ถูกคณะกรรมการเฉพาะกิจมาเลเซียซึ่งมีอัยการสูงสุดเป็นประธาน สั่งอายัดบัญชีธนาคารที่มีความเกี่ยวข้องจำนวน 6 บัญชี และ จาก 17 บัญชีของธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง

นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยเอกสาร 9 ชุด แสดงถึงเส้นทางโอนเงินที่สูญหายไประหว่างการทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศ จาก 1MDB เข้าบัญชีส่วนตัวของ นายนาจิบ ราซัค อย่างละเอียด โดยสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งมาเลเซียระบุว่า  เงินดังกล่าวเป็นเงินบริจาคที่มาจากตะวันออกกลาง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้บริจาค

ทันทีที่มีข่าว นายกรัฐมนตรี ราซัคและคนใกล้ชิด ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และขู่ว่าจะฟ้องร้อง แถมยังบอกว่า มี “เกลือเป็นหนอน” ทั้งจากคนในพรรค และจากฝ่ายค้านอย่าง อันวาร์ อิบราฮิม โดยหวังว่าจะทำให้เรื่องเงียบหายไป 

ความพยายามปิดเรื่องให้เงียบ ถูกคนอย่างดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมารับลูกต่อจากสื่ออเมริกัน โดยเรียกร้องให้นายราซัครับผิดชอบต่อเรื่องที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง  เรื่องจึงไม่อาจจบลงง่ายๆ

สื่อออนไลน์มาเลเซียได้ช่วยกันกระพือข้อมูล เริ่มต้นจากเว็บไซต์ชื่อ ซาราวัครีพอร์ต ที่ก่อตั้งในลอนดอน ได้ทำการแพร่รายละเอียดของความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว แล้วสื่ออื่นๆ นำไปขยายความหรือต่อยอดไปทั่ว

ข้อมูลระบุว่า นายราซัคและพวก ยักยอกเงินผ่านแหล่งที่แตกต่างกัน 8 แห่ง รวม 2 ล้านริงกิต ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. ค.ศ. 2015 โยงใยเกี่ยวข้องกับ 1MDB เข้าสู่บัญชีธนาคารแอมแบงก์ สาขากัวลาลัมเปอร์ที่มีชื่อของนาจิบ ราซัค และภรรยา ผ่านท่อไปยังเจ้าชายเตอร์กีแห่งซาอุดีอาระเบีย เจ้าของบริษัทปิโตรซาอุฯ (PetroSaudi) 

รัฐบาลและนายราซัค พยายามปิดปากสื่อในกรณี 1MDB ทุกทาง รวมทั้งสร้างสื่อเทียมขึ้นมาโต้ข้อกล่าวหา และให้กระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งห้ามหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับในเครือ  The Edge  Media Group วางจำหน่ายเป็นเวลา 3 เดือน รวมทั้งปลดและโยกย้ายเจ้าหน้าที่สืบสวนขนานใหญ่

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯหรือเอฟบีไอของสหรัฐฯ ยื่นมือเข้ามาสืบค้นข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟอกเงินของ 1MDB หลังมีรายงานว่า อดีตสมาชิกพรรครัฐบาลมาเลเซียคนหนึ่ง ถูกจับกุมขณะกำลังจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อยื่นเรื่องให้ดำเนินการตรวจสอบคดีดังกล่าว

ส่วนทางการสวิตเซอร์แลนด์ได้อายัดบัญชีของ 1MDB ในธนาคารสวิส และเจ้าหน้าที่ฮ่องกงเริ่มทำการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกองทุนดังกล่าว ซึ่งสะเทือนถึงค่าเงินริงกิตรุนแรงในช่วงกลางปีที่ผ่านมา

อัยการสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า กระบวนการสอบสวนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว ได้พบว่าอดีตเจ้าหน้าที่ 1MDB จำนวน 2 คน และ “กลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อ” ร่วมกันติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างชาติ ประพฤติมิชอบในหน้าที่ ฟอกเงิน และบริหารจัดการผิดพลาด

แรงประท้วงนายราซัคภายในประเทศมีท่าจะบานปลาย เมื่อมีการก่อตั้งกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองที่เขียนคำว่า  เบอร์ซีห์ 4 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การประท้วงที่หน้าอกเสื้อ แต่ต้นปีนี้ แนวร่วมต่อต้านนายราซัคในประเทศถูกสยบลงไป หลังจากอัยการสูงสุดมาเลเซีย ที่เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ได้ออกมาสรุปผลว่า “ไม่มีการทำผิดอะไรในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่สามารถพบความผิดปกติ” โดยไม่ยอมกล่าวถึงเงินจำนวน 61 ล้านดอลลาร์ที่ได้หายไป และไม่สามารถติดตามได้

เรื่องราวฉาวโฉ่อาจจะเงียบลงในมาเลเซีย แต่การสืบสวนความฉาวในระดับโลกไม่ยุติ โดยนับแต่ต้นปีนี้ หน่วยงานรัฐในฮ่องกง และในสหรัฐฯ เข้าร่วมมือตรวจสอบ 1MDB  หลังจากมีหลักฐานถึงการกระทำผิดทางอาญา 4 กรณี ระหว่างปี 2009-2013 อย่างเป็นระบบ โดยอาศัยโครงสร้างทางการเงินที่ซับซ้อน

ล่าสุดทางการอังกฤษ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และลักเซมเบิร์ก ได้เข้าร่วมในการสืบค้นหลักฐานเพิ่มเติม

ปรากฏการณ์ “หนองฝีแตก” จากการเบี้ยวดอกเบี้ยค้างชำระ ที่ยังผลทำให้ค่าเงินริงกิตร่วงลงสู่จุดต่ำสุดนับแต่เดือนพฤศจิกายนอีกครั้งยามนี้ ยังไม่เลวร้ายเท่ากับชะตากรรมในอนาคตของนายนาจิบ ราซัค ที่โดยพฤตินัยแล้วถือว่ามาถึงกาลอวสานของเส้นทางอำนาจแล้ว 

เหลือแต่ตำนานแห่งความอื้อฉาวประดับไว้กับการเมืองมาเลเซียอีกนานแสนนาน

 

Back to top button