ชู 2 หุ้นกลุ่มสื่อตัวท็อป กำไร Q1/59 เริ่ดสุดรายได้อื้อซ่า! พร้อมหนังใหญ่เข้าโรงเพียบ

ชู 2 หุ้นกลุ่มสื่อตัวท็อป RS-MAJOR กำไร Q1/59 เด่นสุดในกลุ่ม หลังรายได้ทะลัก! โบรกฯ เชียร์ซื้อ มองแนวโน้มปรับตัวขึ้นเหนือตลาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ สื่อบันเทิง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด อีกทั้งคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/59 จะโดดเด่น และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2/59 โดยได้ทำการคัดเลือกมา 2 บจ. คือบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR และบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “Selective” กลุ่มสื่อ ที่มี Momentum แข็งแกร่งกว่าตลาด ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มสื่อ มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด และถ้าพิจารณาเป็นรายตัวแนะนำ “เก็งกำไร” RS เป้าพื้นฐาน 11.20 บาท โดยคาดว่ากำไรจะ Turnaround ปีนี้ ที่ 374 ล้านบาท เติบโต 210% จากปีก่อน จากธุรกิจ non-core อย่างธุรกิจความงาม อีกทั้งแนะนำ “ซื้อ” MAJOR เป้าพื้นฐาน 40 บาท แม้คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 จะไม่ตื่นเต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 4/58 แต่คาดว่ากำไรจะดีขึ้นในไตรมาส 2/59 จาก Line-up ภาพยนต์ที่ดีขึ้น คาดกำไรทั้งปีเติบโต 42% จากปีก่อนที่ 1.28 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 907 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่ม Media มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด

ด้าน นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริการ MAJOR เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 10% จากปี 58 อยู่ที่ 8,580 ล้านบาท เนื่องจากมีการนำภาพยนตร์คุณภาพดีมาฉายและการขยายโรงภาพยนตร์ ซึ่งปี 59 จะเปิดเพิ่มโรงภาพยนตร์อีก 94 โรง จากปัจจุบันมีโรงภาพยนตร์  เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  606 โรง ซึ่งภายในสิ้นปีนี้จะมีโรงภาพยนตร์รวมแล้ว 700 โรง ขณะที่ต่างประเทศจะมีการเปิดเพิ่มอีก 1 โรง ที่ สปป.ลาว จากปัจจุบันที่มีโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศ 12 โรง แบ่งเป็นที่ประเทศกัมพูชา 7 โรง และ สปป.ลาว 5 โรง

อีกทั้งไตรมาส 1/59 มีการปรับตัวในทางที่ดี โดยรายได้มีการเติบโต 10% เนื่องจากมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท อยู่ 5 เรื่อง ได้แก่ Deadpool และ Gods of Egypt ,Batman v Superman : Dawn of Justice ,The Jungle Book และหลวงพี่แจ๊ส 4G

ขณะที่ในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุนในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10% โดยมีแผนขยายการตลาดโรงภาพยนตร์ในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา (พม่า) และเวียดนาม ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายให้ครบ 100 โรงในปี 63 ซึ่งประเทศแรกที่เข้าไปลงทุน คือ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ร่วมกับพันธมิตร อิออน มอลล์

 

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าภาพยนตร์ไทย (โดยเฉพาะหลวงพี่แจ๊ส 4G) และภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะเข้าฉายในปีนี้หนุนความเชื่อมั่นว่ากำไร MAJOR จะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่ารายได้ตั๋วภาพยนตร์จะปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2/59 ซึ่งมีโอกาสที่จะทำได้เทียบเท่ากับฐานที่สูงในปีที่แล้ว

โดยภาพยนต์เรื่องหลวงพี่แจ๊ส 4G เปิดตัวเมื่อต้นเดือนเมษายน ซึ่งในสัปดาห์แรกของการเข้าฉายทำรายได้ไปกว่า 73 ล้านบาทในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และรายได้เปิดตัวเกือบเท่าพี่มากพระโขนง ซึ่งทำรายได้สูงสุดในสัปดาห์แรกของวงการภาพยนตร์ไทย (100 ล้านบาทในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย)

ทั้งนี้หลวงพี่แจ๊ส 4G ดำเนินการสร้างโดย Film Guru ซึ่งภายหลังขายลิขสิทธิ์ให้กับ MPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MAJOR (ถือหุ้น 92.46%), ด้วยเหตุนี้ MPIC จึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนต์ 100% และคิด 100% จากรายได้ตั๋วภาพยนตร์โดยที่ไม่ต้องให้ส่วนแบ่งรายได้กับ Film Guru จึงคาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถทำกำไรในไตรมาส 2/59 ได้ถึง 200 ล้านบาท

โดยเชื่อว่ารายได้จากภาพยนตร์หลวงพี่แจ๊ส 4G จะหนุนรายได้ MAJOR ในไตรมาส 2/59 ซึ่งคาดจะจบด้วยการทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ และ 400 ล้านบาททั่วประเทศ เนื่องจากภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขณะที่คาดว่าภาพยนต์เรื่องหลวงพี่แจ๊ส 4G จะสามารถผลักดันรายได้ตั๋วภาพยนต์ในไตรมาส 2/59 และทำให้รายได้ตั๋วภาพยนตร์มีโอกาสแซงฐานรายได้ที่สูงในปีที่ผ่านมาได้ (1.5 ล้านบาท) ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าลิขสิทธ์ของหลวงพี่แจ๊ส ซึ่งซื้อมาจาก Film Guruในราคาเพียง 20 ล้านบาทจะสามารถทำให้ผลประกอบการของ MAJOR ปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนที่ต่ำ

ขณะที่แนวโน้มรายได้จากภาพยนตร์ที่รอเข้าฉายเรื่องอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งจะมีภาพยนตร์ที่คาดว่าจะสามารถทำเงินเกิน 100 ล้านบาท อย่างเช่น Captain America (3): Civil War, X-Men: Apocalypse และ Independence Day: Resurgence อีกทั้งคาดว่า Captain America ภาคล่าสุดจะทำรายได้รวมมากกว่า 200 ล้านบาท ดังนั้นยังคงแนะนำซื้อ MAJOR จากภาพยนตร์ทำเงินที่จะเข้าฉายอย่างต่อเนื่องและการขยายโรงภาพยนตร์ใหม่

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อเก็งกำไร MAJOR แม้ราคาหุ้นจะเหลือ upside ไม่มากเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานที่ 32.50 บาท และแม้กำไรปกติไตรมาส 1/59 อาจไม่น่าตื่นเต้น เพิ่มขึ้น 10.7% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 6.8% จากปีก่อน แต่กำไรจากการขายหุ้น SF และ PVR คาดทำให้กำไรสุทธิเติบโต 39.6% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 2.8% จากปีก่อน

ขณะที่ไตรมาส 2/58 จะเติบโตแรงเพราะมีหนังทำเงินหลายเรื่องอยู่ในไตรมาสนี้ เช่น Batman VS Superman, Kung Fu Panda 3, The Jungle Book, Captain America 3 (พ.ค.), X-Men Apocalypse (พ.ค.), และ Independence Day 2 (มิ.ย.) และ “หลวงพี่แจ๊ส 4g” ที่ทำรายได้แล้ว 350 ล้านบาท

ด้าน RS คาดกำไรปกติไตรมาส 1/59 ของ RS ยังสูงใกล้ไตรมาสก่อน และพลิกกลับจากขาดทุนในไตรมาส 1/58 โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากรายได้ธุรกิจจัด Event ที่สูงมากต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และเพิ่ม 6.8 เท่าตัวจากปีก่อน รวมทั้งรายได้ขายเครื่องสำอางเพิ่มมากจากปีก่อนเช่นกัน

ขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อลดลง จากปัจจัยฤดูกาล ภาวะตลาดโฆษณารวมยังอ่อนแอ และการเลิกและลดขนาดธุรกิจที่ขาดทุน (ธุรกิจทีวีดาวเทียม, ธุรกิจวิทยุ) กำไรปกติไตรมาส 1/59 ที่คาดเป็นสัดส่วน 42% ของคาดทั้งปี 59 ที่ 247 ล้านบาท โตเท่าตัวจากปีก่อน

โดยมองแนวโน้มกำไรในไตรมาสถัดไปชะลอลงจากไตรมาสก่อน (แต่ยังเพิ่ม จากปีก่อน) จากรายได้จัด Event ที่จะลดลงสู่ระดับปกติ ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิตอลดีขึ้น จากปัจจัยฤดูกาลและจะมีการปรับผังเพิ่ม content ใหม่ๆ มากขึ้น ราคาหุ้นปรับขึ้นเกือบ 18% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 13 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ

Back to top button