น้ำมันดิบปิดร่วง ตลาดวิตกอุปทานพุ่งหลังแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) โดยราคาน้ำมัน WTI ร่วงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐมีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมัน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิด (10 มิ.ย.) ที่ 49.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ดิ่งลง 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 50.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 แท่น สู่ระดับ 328 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว การขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 50 ดอลลาร์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้ขุดเจาะน้ำมันลดจำนวนแท่นขุดเจาะลงเฉลี่ย 10 แท่นต่อสัปดาห์ในปีนี้ หลังจากที่ลดลงเฉลี่ย 18 แท่นต่อสปดาห์ในปีที่แล้ว จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ด้านการผลิตน้ำมันในไนจีเรีย หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันในไนจีเรียลดลงราว 170,000 บาร์เรลต่อวัน ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีท่อน้ำมันในประเทศ

ด้านบริษัท Eni ซึ่งบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอิตาลีเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของบริษัทลดลง 65,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากท่อส่งน้ำมันในจังหวัดบาเยลซา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไนจีเรีย ถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย

Back to top button