
“ณพ” โต้คดีปลอมเอกสาร! งัดคลิปเสียง “ดร.เกษม” เซ็นต์โอนหุ้น WEH จริง
“ณพ ณรงค์เดช” โต้ข้อหาปลอมเอกสาร เปิดคลิปเสียง ‘ดร.เกษม’ ยันเซ็นหุ้น .วินด์ เอนเนอร์ยีฯ” จริง ในฐานะตัวแทน ชี้เส้นทางเงินชัดเจนตั้งแต่ปี 58 ข้องใจกระบวนการยุติธรรมส่อผิดปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 68 นายณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจชื่อดัง พร้อมทีมทนายความ ได้เปิดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสารและข้อหาอกตัญญูที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางธุรกิจภายในครอบครัว โดยเฉพาะการโอนหุ้นของ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้มีขึ้นภายหลังศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุกนายณพและคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (แม่ภรรยา) คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีใช้เอกสารปลอมที่มีลายเซ็นต์ของ ดร.เกษม ณรงค์เดช เพื่อโอนหุ้น WEH มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นเคยพิพากษายกฟ้องมาแล้วก็ตาม
นายณพ กล่าวว่า ตนเป็นผู้ซื้อบริษัทวินด์ เอนเนอร์จี้ โฮลดิ้ง มาตั้งแต่ปี 2558 และแม้ได้ชวนพี่น้องร่วมลงทุนแต่ก็ถูกปฏิเสธ โดยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ต่อมาในปี 2559 ตนได้ขายบริษัทนี้ให้กับคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ซึ่งคุณหญิงกอแก้วได้ชำระเงินค่าหุ้นอย่างชัดเจน มีหลักฐานทางการเงินครบถ้วน
สำหรับเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทนที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมนั้น ได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560 โดยในขณะนั้น นายณพได้ขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ (ดร.เกษม) ในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารในฐานะตัวแทนเท่านั้น โดยที่ดร.เกษม ไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นใดๆ
นายณพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงได้เปิดเผยคลิปเสียงการพูดคุยที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นการพูดคุยหลังจากการทำเอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึงสองปี ในคลิปเสียงดังกล่าว ดร.เกษมได้ยอมรับอย่างชัดเจนว่าเซ็นเอกสารจริง และระบุเองว่า หุ้นที่อยู่ในมือท่านไม่ใช่ของท่าน และท่านไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น ส่วนเหตุผลมีีการโอนหุ้นคืนให้กับคุณหญิงกอแก้ว เพื่อเปิดเผยชื่อเจ้าของที่แท้จริง เนื่องจากบริษัทกำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
พร้อมกันนี้ย้ำว่าตนเองเป็นเจ้าของเดิมและคุณหญิงกอแก้วเป็นเจ้าของต่อในปี 2559 ซึ่งมีการพิสูจน์เส้นทางการเงินในศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่ตนจะต้องปลอมแปลงเอกสารในสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องมาประกอบการชี้แจง โดยศาลระบุว่าโจทก์ (นายกฤษณ์ และนายกรณ์ ณรงค์เดช) ไม่สามารถแสดงหลักฐานการชำระค่าหุ้นที่ชัดเจนได้ และไม่น่าเชื่อว่า ดร.เกษม จะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวสนับสนุนคำกล่าวของนายณพ
นายณพยังตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องอกตัญญู โดยยืนยันว่าตนเป็นผู้ซื้อธุรกิจนี้มา และมีการพิสูจน์ในศาลชัดเจนว่าหุ้นเป็นการลงทุนของตนและคุณหญิงกอแก้ว ตนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลคุณหญิงกอแก้วและบุตรได้ พร้อมแสดงความห่วงใยต่อสุขภาพของบิดา เนื่องจากทราบว่า ดร.เกษม มีอาการความจำและอาการทางสมอง ทำให้เกรงว่าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ โดยนายณพและบุตรชายพยายามเข้าไปพบและดูแลบิดาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถูกคนในบ้าน อาทิ นายกรณ์ ปิดกั้นไม่ให้พบ
ทั้งนี้ นายณพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งขณะนี้คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำคุกตนและคุณหญิงกอแก้ว 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา อยู่ระหว่างการเตรียมต่อสู้ในชั้น ศาลฎีกา
ทางด้าน ทีมทนายความระบุว่า ได้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่สำนวนศาลเรียบร้อยแล้ว และจะใช้สิทธิ์ในการยื่นฎีกาเพื่อชี้เป้าให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป…///
