“รพ.ราชธานี” จ่อเคาะราคา IPO ในสัปดาห์หน้า พร้อมตบเท้าเข้า SET ก.ย. นี้

รพ.ราชธานี หรือ RJH เตรียมเคาะราคา IPO จำนวน 74.99 ล้านหุ้น ในต้นสัปดาห์หน้า พร้อมเข้าเทรด SET ต้นเดือน ก.ย. นี้ โดยมี บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเคาะราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 74.99 ล้านหุ้นต้นสัปดาห์หน้า จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งจะมีพิธีแต่งตั้งผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Underwriter) ในวันที่ 22 ส.ค.

หลังจากทำการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) จำนวนกว่า 10 แห่งแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเสนอขายหุ้นปลายเดือนนี้และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้นเดือน ก.ย. หวังลุยขยายธุรกิจเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการขึ้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่ภาคกลาง

นายพายุพัด มหาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ RJH เปิดเผยว่า โรงพยาบาลราชธานีนับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในกลุ่มโรงพยาบาลตัวที่ 2 ที่มีการทำ Book Building เพื่อกำหนดราคาขายหุ้น IPO เนื่องจากนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจค่อนข้างมาก ขณะที่ฝายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ 4-5 รายได้เริ่มทำการประเมินราคาเป้าหมายหุ้น RJH ในปี 60 ที่ราว 22 บาท

ทั้งนี้ RJH มีทุนจดทะเบียนรวม 300 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ผ่านโรงพยาบาลราชธานี ใน อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา และบริษัทย่อยให้บริการผ่านโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 52% ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีจำนวนเตียงผู้ป่วยภายใต้การบริหารงานรวม 353 เตียง ซึ่งปัจจุบันเปิดใช้งานจริงจำนวน 178 เตียง โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายในการเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและในภาคกลาง
กลุ่มลูกค้าของบริษัทแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ โดยในปี 58 บริษัทมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 51% และมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ 49%
นายแพทย์วชิระ วุฒิกุลประพันธ์ กรรมการผู้จัดการ RJH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินที่ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อขยายกิจการโรงพยาบาลราชธานี และโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์

สำหรับการขยายกิจการโรงพยาบาลหลักใน อ.เมือง จะสร้างอาคารใหม่ 9 ชั้นบนเนื้อที่ 2 ไร่ที่ปัจจุบันใช้เป็นลานจอดรถ ซึ่งจะเป็นการขยายศูนย์แพทย์เฉพาะทางหลายสาขา และศูนย์ตรวจสุขภาพ เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยเงินสด รวมทั้งมีแผนเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในอีก 120 เตียง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปี 60 และแล้วเสร็จภายในปี 62

และตั้งศูนย์ตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยและตรวจรักษาคนไข้มีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ประเมินมูลค่าการลงทุนตัวอาคารที่ 20 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยงด้านบุคลากร ซึ่งผู้ร่วมทุนจะลงทุนตัวเครื่องประมาณ 40-50 ล้านบาทโดยคาดจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 60

ส่วนโครงการขยายพื้นที่ให้บริการโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ จะเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วย และห้องตรวจผู้ป่วยนอก รวมทั้ง การเปิดคลินิดและศูนย์การแพทย์ต่างๆ เพิ่มเติม ประมาณการมูลค่าลงทุน 52 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 61
ขณะที่โรงพยาบาลราชธานี โรจนะ มีแผนจะเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมราว 100 ล้านบาทภายใน 3 เดือนนับจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นตามสิทธิราว 52 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลวิภาราม และ บมจ.ธนบุรีเฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทั้งนี้ คาดว่าโรงพยาบาลราชธานี โรจนะจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 60

นอกจากนั้น บริษัทยังมองหาโอกาสในการลงทุนอื่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการขยายธุรกิจโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว บริษัทยังพร้อมเปิดโอกาสการพิจารณาลงทุนในทำเลอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ สุพรรณบุรี อ่างทอง และสระบุรี รวมทั้งการเข้าลงทุนในโรงพยาบาลหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง

นายแพทย์วัชระ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10-15% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป้าหมายอย่าง Conservative เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 1,500 คน/วัน เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยในปี 59 นี้ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 15% โดยในไตรมาสแรกของปีนี้รายได้เติบโตได้ดีมาก ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตสูงถึงกว่า 100% แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก

ในปี 58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,034.91 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 63.77 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 58 อยู่ที่ 1,075.70 ล้านบาท หนี้สินรวม 800.57 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 275.12 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายได้รวม 298.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 241.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 19.43 ล้านบาท

นายแพทย์วัชระ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าเงินสดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนต่อลูกค้าสวัสดิการภาครัฐราว 50:50 ให้เป็น 60:40 เพราะเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนอัตราการทำกำไรของโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นการขยับสัดส่วนขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยกลยุทธการปรับปรุงประสิทธิภาพการรักษาให้มีมาตรฐานสูงขึ้นและขยายขนาดห้องผู้ป่วยนอกให้มีความสะดวกสบาย

Back to top button