หมอดูยังอาย! 5 โบรกฯ ทำนายถูก เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 3 เสียงในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยกรรมการ FOMC จำนวน 3 รายไม่เห็นชอบต่อมติการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี

อย่างไรก็ตามแม้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวหลังสิ้นสุดการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ตนคาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.59     

ขณะที่ก่อนหน้านี้เหล่าโบรกเกอร์ต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้โบรกเกอร์ต่างให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเฟดจะยังตรึงดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่มีความเข้มแข็ง

 

โดยนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย.) โดยคาดว่าผลการประชุม FOMC คาดว่า Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25-0.50% และจะมีการปรับลดค่ากลางระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมผ่าน Dots plot ตลอดปี 59-61

ทั้งนี้หากผลออกมาตรงตามที่คาดไว้ ประเมิน SET Index มีโอกาสปรับตัว Sideways up สู่ระดับ 1,500 – 1,520 จุดในช่วงที่เหลือของเดือนกันยายนนี้ (เป็นระดับที่คำนวณได้จากโมเดล EYG อิง EPS คาดการณ์ปีหน้าที่ 106.5 บาทและ Bond yield 10 ปีของสหรัฐฯที่ 1.65% – 1.70%)

โดยหากค่ากลางของ Dots plot มีการปรับลงมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นมากเท่านั้น อย่างไรก็ดีมองมีโอกาสยากที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่บริเวณ 1,550 จุด เนื่องจากไม่คาดว่า Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนคงมองข้ามช็อตไปว่า Fed คงจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม 100% แน่นอนนั่นเอง

 

นอกจากนี้ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า SET วันนี้แกว่งแคบๆ หลังฟื้นตัวต่อเนื่อง 5 วันทำการ ส่วนหนึ่งเกิดจากหุ้นสื่อสารขึ้นแรงตามข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS ประกาศเทนเดอร์ ปัจจัยระยะสั้นที่น่าจะส่งผลให้ดัชนีพักในวันนี้ได้แก่ ดัชนีได้ฟื้นตัวใกล้ระดับสำคัญเชิงจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติสถาบัน และพอร์ต บล.ขายสุทธิพร้อมกันเมื่อวานนี้ อาจจะกดดันจิตวิทยาของตลาดหุ้นเล็กน้อย มองนักลงทุนส่วนหนึ่งอาจชะลอเพื่อติดตามผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ตลาดการเงินจะจับตาถ้อยแถลงของเฟดอย่างใกล้ชิด หลังจากสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ล่าสุดได้ลดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.เหลือ 40% จากเดิม 45%

 

อีกทั้ง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนก่อนธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และญี่ปุ่น (BOJ) จะเริ่มประชุมวันนี้ (20 ก.ย.) เป็นวันแรก จะทราบผลการประชุมในวันพรุ่งนี้สำหรับ BOJ และวันถัดไปสำหรับ FOMC สิ่งที่สังเกตุได้ คือนักลงลงทุนไม่มั่นใจว่า FOMC หรือ BOJ จะตัดสินใจอย่างไร จึงชะลอการลงทุนไว้ก่อน สวนทางกับการวิเคราะห์ในตลาดที่ส่วนใหญ่คาดว่าทั้งสองแห่งอาจไม่มีการเปลี่ยนนโยบาย

โดยเฉพาะ FOMC เป็นผลให้สินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ชะลอตามกันไปทั้งหมด การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเซียมีสลับบวก-ลบ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แสดงว่าส่วนใหญ่จะรอดูผลการประชุมนี้

 

ด้าน บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย.) ว่าตลาดส่วนใหญ่คาดคงดอกเบี้ย (ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 22%) หลังตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวในระยะหลังออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งหากเฟดสร้าง supise โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ย คาดส่งผลลบแรงต่อตลาดหุ้นโลก (นักวิเคราะห์ต่างประเทศคาดหุ้นสหรัฐอาจปรับตัวลงแรง 10-15% หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้) 

 

นอกจากนี้ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย.) ว่าตลาดคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ซึ่งหากคงดอกเบี้ยเอาไว้จริงน่าจะหนุน Sentiment ได้บ้าง แต่ไม่น่ามาก จับตาการกล่าวของปธ.เฟด หลังการประชุมมากกว่า ในทางตรงข้าม หากผลการประชุมออกมาพลิกโผ อาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานแรงได้  

         

อนึ่งการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28 ก.ค.59 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 9-1 ในการประชุมให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และระบุย้ำว่าจะยังคงจับตาสิ่งบ่งชี้เงินเฟ้อ รวมทั้งพัฒนาการทางการเงิน และเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิดต่อไป