
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 ม.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น กว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองตลอดปี 2559 ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,912.71 จุด พุ่งขึ้น 112.86 จุด หรือ +0.57% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,600.96 จุด เพิ่มขึ้น 48.02 จุด หรือ +0.86% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด หรือ +0.66%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับศาลฎีกาอังกฤษที่วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 361.92 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,830.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด หรือ +0.18% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,594.94 จุด เพิ่มขึ้น 49.19 จุด หรือ +0.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.34 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบ เมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นบีที บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับปัจจัยหนุนหลังจากศาลฎีกาอังกฤษที่วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.34 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.01%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้น เมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) ขานรับข่าวการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 55.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 1,210.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 17.185 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 27.9 ดอลลาร์ หรือ 2.85% ปิดที่ 1,007.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 24.35 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 795.85 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากศาลฎีกาอังกฤษวินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2504 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2494 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7577 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7564 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.0728 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0739 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.87 เยน จากระดับ 113.03 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0014 ฟรังค์ จากระดับ 0.9990 ฟรังค์