สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ม.ค.60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,864.09 จุด ร่วงลง 107.04 จุด หรือ -0.54% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,614.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,278.87 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.09%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทส่งออกในยุโรป หลังจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวหาเยอรมนีว่ากำลังใช้ยูโรที่อ่อนค่าเกินความเป็นจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.7% แตะที่ 360.12 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,748.90 จุด ลดลง 35.74 จุด หรือ -0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,535.31 จุด ร่วงลง 146.58 จุด หรือ -1.25% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,099.15 จุด ลดลง 19.33 จุด หรือ -0.27%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) จากปัจจัยที่ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นได้แรงหนุนบางส่วนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.33 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 7,099.15 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้น เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากผลสำรวจซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายสกัดผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 15.40 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ระดับ 1,211.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 39.1 เซนต์ หรือ 2.28% ปิดที่ 17.543 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 996.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 15.85 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 754.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมากล่าวโจมตีเยอรมนีว่ากำลังใช้ยูโรที่อ่อนค่าเกินความเป็นจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาในสหรัฐ

ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0801 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0693 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2580 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2482 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7584 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7552 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.76 เยน จากระดับ 113.69 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส 0.9888 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9953 ฟรังก์สวิส

Back to top button