
“เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น ” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จ่อเทรด mai
"เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น" ผู้ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งใน-ตปท. ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 276.38 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai หวังระดมทุนขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-คืนหนี้โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัทเสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ฉบับแรกเมื่อวันที่ 31 ม.ค.60 เนื่องจากบริษัทต้องการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 276.38 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 230,375,000 หุ้น และกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเสนอขายหุ้นอีกไม่เกิน 46 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงเพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณภายในปี 63
สำหรับกลุ่มบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 1 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญา 40 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ภายใต้การดำเนินการของ SPN (โครงการเสริมสร้าง โซลาร์)
รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญา 17 เมกะวัตต์ ภายใต้การดำเนินการของ SSH (โครงการฮิดะกะ) โครงสร้างการลงทุนเป็นแบบ จีเค-ทีเค ซึ่งกลุ่มบริษัทลงทุนผ่าน SEG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นในฮ่องกง และบริษัทถือหุ้น 100% ทั้งนี้ SEG ลงทุนใน SSH ในฐานะนักลงทุนทีเค ซึ่งเป็นผู้ลงทุนที่ไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการลงทุน (Silent Partner) โดยลงทุนในสัดส่วน 86.9% ขณะที่บริษัทจีเคจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจการ (Operator)
โดยบริษัทคาดว่าโครงการฮิดะกะจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/61 กำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์ ระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี ผู้รับซื้อไฟฟ้าเป็นผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าเอกชนในภูมิภาค ฮอกไกโด ซึ่งได้แก่ Hokkaido Electric Power Company Limited มูลค่าเงินลงทุน ประมาณ 7,820-8,320 ล้านเยน โดยแหล่งที่มาของเงินลงทุนของโครงการ แบ่งออกเป็นเงินลงทุนทีเค (จากนักลงทุนทีเคทั้ง 3 ราย) ประมาณ 1,460-1,960 ล้านเยน และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 6,360 ล้านเยน ทั้งนี้ SSH มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจาก METI เมื่อเป็นไปตามข้อกำหนด
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในเขตอาเซียน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือนของปี 59 สิ้นสุด 30 ก.ย.59 มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า 660 ล้านบาท กำไรสุทธิ 385.6 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 4,455.6 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,243.2 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 1,212.3 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 922 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 922 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 691.625 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 691.625 ล้านหุ้น ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 922 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญชำระแล้วจำนวน 922 ล้านหุ้น
ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 12 ม.ค.2560 ประกอบด้วย บริษัท ไพรมารี่ เอนเนอจี้ จำกัด (PME) ถือหุ้น 276.65 ล้านหุ้น คิดเป็น 40% หลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้แล้วจะเหลือถือหุ้น 276.65 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% รองลงมาคือ Unity I. Capital Limited (UNITY) ถือหุ้น 242.07 ล้านหุ้น คิดเป็น 35% จะลดการถือหุ้นเหลือ 196.07 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.3% อันดับ 3 คือ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้น 69.16 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% จะลดการถือหุ้นเหลือ 69.12 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.5%
ขณะที่บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี