3 หุ้นพลังงานน่าสอย!

มีมุมมองจากนักวิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น จากสถานการณ์ทางการเมืองโลกทวีความตึงเครียด อาทิ ประธานาธิบดีสหรัฐ นาย ดอนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธการรับรองว่าอิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ถึงแม้ว่าหน่วยงานผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) จะรายงานว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว


เส้นทางนักลงทุน

มีมุมมองจากนักวิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น จากสถานการณ์ทางการเมืองโลกทวีความตึงเครียด อาทิ ประธานาธิบดีสหรัฐ นาย ดอนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธการรับรองว่าอิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ถึงแม้ว่าหน่วยงานผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) จะรายงานว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว

จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ อาทิ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป โดยผู้บริหารฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป นาง Federica Mogherini กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิจะยกเลิกข้อตกลงนานาชาติ และสหภาพยุโรปจะยังคงยอมรับข้อตกลงดังกล่าว

ทั้งนี้รัฐสภา (Congress) ของสหรัฐฯ มีเวลา 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 60 ในการพิจารณาว่าจะกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน ห้ามส่งออกน้ำมันดิบอีกหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบโลกหายไปจากตลาดราว 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้อิรักได้ส่งกองกำลังทหารเข้าบริเวณทางตอนใต้ของ Kirkuk ที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน (KRG) ซึ่งทางรัฐบาลกลางอิรักเผยว่าไม่มีการปะทะกับกลุ่ม KRG แต่กลุ่ม KRG ระบุว่ากองกำลังอิรักยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ดังกล่าวได้ และเกิดการยิงปะทะระหว่างกลุ่ม KRG และอิรัก แม้ปัจจุบันแหล่งผลิตน้ำมันดิบยังไม่ได้รับผลกระทบแต่เป็นปัจจัยเฝ้าระวัง

ดังนั้นสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 55.0-59.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 49.0-49.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Dubai อยู่ในกรอบ 53.0-57.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์ล่าสุด ผันผวนโดยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 56.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 0.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 50.77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 0.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 54.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ในขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปก็ผันผวนเช่นกัน โดยราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เพิ่มขึ้น 0.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 69.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดีเซลลดลง 0.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 67.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ดังนั้น ยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งถือว่าเป็นดาวเด่นของกลุ่ม

ที่สำคัญไปกว่านั้น มีบทวิเคราะห์ให้คำแนะนำซื้อหุ้นต่อเนื่อง อย่างเช่น บล.ธนชาต คงแนะนำ “ซื้อ” บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ให้ราคาเป้าหมาย 450 บาท สะท้อนถึง 1) มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นของเราต่อธุรกิจปลายน้ำ (“กลุ่มโรงกลั่น – แนวโน้มสดใส”)

2) กำไรของธุรกิจก๊าซมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้จะสมมติให้ปริมาณขายเติบโตอย่างจำกัด และ 3) การปลดล็อคมูลค่าจากการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเข้าในช่วงครึ่งหลังของปี 61 หรือครึ่งปีแรก 62

ขณะที่ บล.เคจีไอ แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 100 บาท คาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ในไตรมาส 3 ปี 60 จะอยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จะมาจาก 1) ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น US$50/bbl

และ 2) ต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงจากโครงการประหยัดต้นทุนของบริษัท ในขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 60 จะเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยชดเชยต้นทุนต่อหน่วยที่ขยับสูงขึ้น ถึงแม้จะคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 60 จะไม่โตหวือหวาจากไตรมาสก่อน แต่เชื่อว่าการเปิดประมูลโครงการบงกชรอบใหม่จะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญของหุ้น PTTEP

ส่วนทาง บล.เอเอสแอล แนะนำ “ซื้อ” บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ให้ราคาเป้าหมาย 92 บาท คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60 จะปรับเพิ่มต่อเนื่อง จากธุรกิจการกลั่นและธุรกิจโอเลฟินส์ที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมไปถึงการพลิกกลับมารับรู้ Stock Gain เพียงพอชดเชยกำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ลดลง อีกทั้งยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ไว้เท่าเดิม รวมไปถึงมุมมองเชิงบวกที่มีต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 61 ที่ยังเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากโครงการ Asset Injection”

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างพอให้นักลงทุนไว้ตัดสินใจเพื่อการลงทุน จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำ เพียงมองเป็นหุ้นที่รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ยังแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น

Back to top button