SUPER ปักธงรายได้ปี 62 โตตามเป้า 15% รับแผน COD เพิ่ม 260 MW ดันกำลังผลิตรวมแตะ 1,039 MW

SUPER ปักธงรายได้ปี 62 โตตามเป้า 15% รับแผน COD เพิ่ม 260 MW ดันกำลังผลิตรวมแตะ 1,039 MW


นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 13-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,874.30 ล้านบาท และคาดว่ากำไรน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,045.43 เนื่องจากโครงการของบริษัทจะมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมอีก (COD) ประมาณ 260 เมกะวัตต์

สำหรับโรงไฟฟ้าที่มีแผน COD ปีนี้ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 236.72 เมกะวัตต์ คาด COD ได้วันที่ 30 มิ.ย.นี้, โรงไฟฟ้าจากขยะที่ จ.พิจิตร กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/62 หรือต้นไตรมาส 4/62 และยังมีการเซ็นสัญญาขายไฟฟ้าแบบ Private PPA ให้กับบริษัทเอกชน จำนวนรวม 33.24 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มทยอยถ COD ได้ในไตรมาส 4/62 นี้ราว 16 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลทำให้สิ้นปี 62 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งสิ้น 1,039.32 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่777.6 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม จำนวน 5 แห่ง  กำลังการผลิตรวม 790 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ Soctrang เฟส 1-2, Baclieu, camau, HBRE-Gia Lai และ HBRE-Phu yen คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 3 ปี โดยปัจจบันบริษัทได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว 172 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือก็อยู่ระหว่างรอการอนุมัติ

อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการในรูปแบบ Private PPA รวมถึงโครงการ SPP Hybrid กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และไต้หวัน เป็นต้น จำนวน 2-3 ราย มองขนาดโรงไฟฟ้าที่แห่งละ 30-50 เมกะวัตต์ คาดเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/62 หรือต้นไตรมาส 3/62 คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ 11-13%

สำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) มูลค่า 8,300-8,500 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้เดือนพ.ค.นี้ โดยเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุน ส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และรองรับการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนามประมาณ 3,000 ล้านบาท และใช้เข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวประมาณ 1,000 ล้านบาท

“วันนี้เรากลับมาเติบโตอีกครั้ง จะเห็นได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเราวางเป้ารายได้จะเติบโต 13-15% และกำไรสุทธิก็จะเติบโตต่อเนื่อง และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกค่อนข้างมาก” นายจอมทรัพย์ กล่าว

Back to top button