โบรกฯเคาะ Downside ตลาดหุ้นไทยรอสอย 5 หุ้น รับผลตอบแทนระยะยาว

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ค.) ว่า หลังจากที่ SET Index ปรับฐานในลักษณะของ Sideway มาเป็นระยะเวลานานกว่า 9 เดือน การปรับตัวลดลงแรงก็เกิดขึ้น โดยช่วง 10 วันทำการที่ผ่านมา SET Index ปรับลดลงมา 78.1 จุด หรือ 5.24%

เหตุที่เป็นตัวเร่งการปรับฐานนอกจากระดับค่า Current PER ที่ค้างอยู่ที่ระดับสูงกว่า 17 เท่า (ก่อนปรับลงแรง) แล้ว ยังเกิดจากความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยซึ่งการส่งออกหดตัวลงค่อนข้างแรง การบริโภคไม่ฟื้นตัวขณะที่การลงทุนภาครัฐบาลยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่การปรับลด GDP Growth อย่างต่อเนื่อง (ASPS Research ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.5% ตั้งแต่ เม.ย.2558)

นอกจากนี้ ในส่วนของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนได้ถูกปรับลดประมาณการลงหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 1/58 ไปแล้ว 1 รอบ ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีทั้งแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ และการปรับฐานอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นจีน จนถึงปัจจุบันปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวยังมีอิทธิพลในการสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยอยู่

 

ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าจากนี้ไป Downside ของตลาดหุ้นไทยจะมีอีกมากน้อยแค่ไหน และนักลงทุนควรกำหนดกลยุทธ์อย่างไร โดยในส่วนของ Downside อาจประเมินได้โดยการกำหนดระดับค่า PER ที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งกำหนดที่ระดับ 15-15.5 เท่า ส่วนระดับ EPS ปี 2558 ของบริษัทจดทะเบียนภายใต้ประมาณการปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ 95.74 จุด

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ของผลประกอบการในไตรมาส 2/58 และแนวโน้มครึ่งหลังปี 58 แล้ว คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดประมาณการลงอีกราว 4% ซึ่งคาดว่าจะทำให้ค่า EPS ใหม่ของปี 2558 ลงมาอยู่ที่ราว 91.91 บาท (อยู่ในช่วงการดำเนินการทบทวนโดยจะปรับใช้อย่างเป็นทางการหลังการประกาศงบไตรมาส 2/58)

 

ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าวจะได้ SET Index เป้าหมายอยู่ที่ 1,378-1,425 จุด น่าจะพอกล่าวได้ว่า Downside ควรอยู่ที่ราว 1,378 จุด โดยที่บริเวณใกล้เคียงจุดดังกล่าว นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว สามารถที่จะทยอยสะสมหุ้น High Dividend Yield และมี Beta ต่ำเข้าพอร์ต โดยหากกำหนดเกณฑ์ว่าต้องมี Dividend Yield สูงกว่า 5% และ Beta ต่ำกว่า 1 เท่า โดยมีตัวเลือกที่น่าสนใจเช่น HANA, INTUCH, BTS, TTW และ TVO เป็นต้น

 

ที่มา: บทวิเคราะห์ Market Talk, Application: ASP Smart