โบรกฯเชียร์ “สะสม” M ลุ้นไตรมาส 3 ฟื้นตัวเด่น รับอานิสงส์มาตรการรัฐ

โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" M ลุ้นไตรมาส 3 ฟื้นตัวเด่น รับอานิสงส์มาตรการรัฐ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น M ราคาเป้าหมาย 63 บาท โดยแนวโน้มไตรมาส 3/63 จะพลิกกลับมามีกำไรราว 331 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 247 ล้านบาทในไตรมาส 2/63 มาจากลูกค้าในประเทศที่กลับมาได้ดีราว 90% ของช่วงก่อน COVID-19

โดยส่วนหนึ่งเพราะมีวันหยุดยาวเพิ่มขึ้น ทำให้ SSSG ติดลบน้อยลงทั้ง 3 แบรนด์ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวได้ดีจาก Economies of Scale และลดการทำโปรโมชั่นช่องทาง Online และคาดกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 จากทั้งช่วง High Season ของธุรกิจ และคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทั้งวันหยุดยาวที่เพิ่มขึ้นรวมถึงมาตรการภาครัฐโครงการช้อปดีมีคืน

อย่างไรก็ตามพิจารณาแนวโน้ม SSSG ถือว่ายังติดลบมากกว่าที่เคยคาดไว้ มาจากลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถกลับมาได้ ดังนั้นจึงปรับลดสมมติฐาน SSSG ในปีนี้สำหรับทั้ง 3 แบรนด์เป็น -24% – 41% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากเดิม -15% – 35% เมื่อเทียบจากปีก่อน  นำไปสู่การปรับลดกำไรสุทธิปี 2563-2565 ลง 12% – 16% เป็น 901 ล้านบาท (-65.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน) และ 2,307 ล้านบาท (+156% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ตามลำดับ โดยปัจจัยหนุนการฟื้นตัวในปีหน้าจะมาจากลูกค้าในประเทศเป็นหลัก การคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง รวมถึงฐานที่ต่ำในปีนี้

ส่วน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น M ราคาเป้าหมาย 58 บาท/หุ้น คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องของ M ในช่วงไตรมาส 4/63 จากการเข้าสู่งไฮซีซั่น ประกอบกับมาตรการช้อปดีมีคืนเข้ามาช่วยหนุนทางอ้อม ทำให้มีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้คนที่เข้ามาซื้อของในศูนย์การค้าเข้ามาทานอาหารในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน และแบรนด์ในเครือของ M เป็นแบรนด์ร้านอาหารที่คนนิยม โดยเฉพาะแบรนด์ MK และร้านในเครือของ M ได้เปิดให้บริการได้เต็มที่ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 ซึ่งคาดว่าผลงานในไตรมาส 4/63 จะฟื้นขึ้น แต่ยังขาดปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ภาพรวมของ SSSG ในไตรมาสสุดท้ายแม้ว่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3/63 แต่คงยังเห็นการติดลบ แต่จะน้อยลงกว่าไตรมาส 3/63 ที่ติดลบกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์เข้ามาเสริม แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยยอดขายจากสาขาได้เต็มที่ ทำให้ผลงานของบริษัทยังถูกกดดันในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมาได้เร็ว แต่บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร แม้ว่าจะมีการทำโปรโมชั่นค่อนข้างมากเพื่อกระตุ้นลูกค้าในประเทศให้เข้ามาทานอาหารในร้านก็ตาม ซึ่งในภาพรวมหากโควิด-19 คลี่คลายลงชัดเจน และกลับมาสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวกลับมาได้เหมือนเดิม มองว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ M ได้ ทำให้ภาพในระยะยาวยังมีความน่าสนใจ

ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น M ราคาเป้าหมาย 54 บาท/หุ้น มองผลงานไตรมาส 4/63 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 จากการที่ร้านสาขากลับมาเปิดให้บริการได้เต็มที่ แต่ยังขาดปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับมา แต่มองว่าแนวโน้มของยอดขายของสาขาเดิมในไตรมาส 4/63 อาจจะติดลบลดลงจากไตรมาส 3/63 ที่คาดว่าติดลบถึง 25% โดยแนวโน้มของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้ามากขึ้นในช่วงปลายปี และการมีมาตรการช็อปดีมีคืนจะส่งผลบวกทางอ้อมให้กับลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารในร้านสุกี้เอ็มเค ยาโยอิ และ แหลมเจริญ ซีฟู้ดส์ มากขึ้น

ขณะที่แนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/63 คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/63 ที่ 65% จากยอดขายที่กลับมาเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมของ M ในระยะต่อไปยังคงมีความท้าทายจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยังไม่กลับมาได้เร็ว จึงขาดแรงสนับสนุนยอดขาย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบริษัทในระยะยาวยังมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงระดับปกติได้ หากสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดลง ซึ่งแบรนด์ร้านอาหารของ M ถือว่าแข็งแกร่งและได้รับความนิยมสูง

ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น M ราคาเป้าหมาย 53.50 บาท/หุ้น ระบุว่า M น่าจะได้รับผลบวกทางอ้อมจากมาตรการช้อปดีมีคืนของภาครัฐที่จะหนุนให้คนมาใช้จ่ายในศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/63 โดยร้านอาหารในเครือ M ส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้า จึงมีโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามารับประทานอาหารเพิ่มขึ้นด้วย โดยที่แบรนด์ร้านอาหารได้รับความนิยมและรู้จักกันอย่างมาก ทำให้คาดว่ายอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) จะติดลบน้อยลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 63 ขณะที่ SSSG ติดลบมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจากผลกระทบโควิด-19

นอกจากนั้น ในแง่ของการดำเนินธุรกิจ M ยังมีความแข็งแกร่ง จากกระแสเงินสดที่อยู่ค่อยข้างมาก แม้ว่าผลการดำเนินงานอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยคาดว่าในปี 63 จะมีกำไรราว 1 พันล้านบาท หรือเกือบ 1 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก แต่ M ได้ปรับปรุงเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายการเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าบางแห่งลดลง หลังจากได้รับผลกระทบในช่วงการล็อกดาวน์ แม้ว่าจะมีแรงกดดันเข้ามาในช่วง 1-2 ปีนี้จากโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายไปทั้งหมด แต่มองว่า M ยังมีโอกาสเติบโตขึ้นได้หากสถานการณ์กลับมาปกติ

 

Back to top button