กองทุนลุยเคาะขวา

รรยากาศลงทุนที่สดใสวิบวับเกินห้ามใจ โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน และต่อเนื่องจนถึงวานนี้ ถือเป็นหนังคนละม้วนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้


* หลังจาก “โมนิก้า” วุ่นวายกับเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ ของผู้คนในตลาดหุ้นมาพักใหญ่ ๆ ก็ได้เวลากลับมาดูบรรยากาศลงทุนที่สดใสวิบวับเกินห้ามใจกันเสียที โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน และต่อเนื่องจนถึงวานนี้ ถือเป็นหนังคนละม้วนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ (เป็นเวลาร่วมเดือนที่ดัชนีวนเวียนในกรอบ 1,500-1,550 จุด) เดี๊ยนจึงต้องไล่เรียงตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเดินมาถึงจุดนี้ไงล่ะคะ

* นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ “โมนิก้า” โฟกัสไปยังท่าทีของกองทุนมากกว่านักเล่นกลุ่มอื่น เพราะเป็นเพียงนักเล่นกลุ่มเดียวที่ลุยซื้อหุ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นยู่ที่บริเวณ 1,530 จุด ขณะที่วานนี้ดัชนียืนปิดที่ระดับ1,633.77      จุด บวกไป 22.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 แสนล้านบาท โดยดัชนีใช้เวลาไปทั้งสิ้น 11 วันสำหรับการปรับตัวขึ้น 100 จุดแบบนี้..เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า ธรรมดาโลกไม่จำนะจ๊ะ

* วันนี้ถึงต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ขาขึ้นเต็มตัว และหนึ่งในปัจจัยเร่งที่ทำให้ทุกอย่างออกมาสวยก็คือ จำนวนคนติดเชื้อเริ่มคงที่ และกำลังอยู่ในทิศทางลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งผู้เล่นในตลาดหุ้นมองข้ามผลงานไตรมาส 3 ไปหมดแล้ว และกำลังให้ความสนใจผลงานช่วงไตรมาส 4 เป็นหลัก จึงเปิดทางให้หุ้นบลูชิพกลับมาโฉบเฉี่ยวอย่างอุ่นหนาฝาคั่งนะจะบอกให้

* โดยเฉพาะในรายของ PTT ทะยานขึ้นต่อเนื่องร่วมสัปดาห์ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 38.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.76 พันล้านบาท ถือเป็นจังหวะของการ follow buy ได้อย่างสบายใจเฉิบ โดยเฉพาะในมุมของเศรษฐกิจฟื้นตัวแรงช่วงปลายปี ย่อมหนุนให้กำไรช่วงโค้งสุดท้ายแจ่มสุด ๆ ผนวกกับวันนี้หุ้นเทรดบน PE 12 เท่า จึงเหลือแก๊ปให้ไปต่ออีกเพียบเจ้าค่ะ

* อีกรายที่สวยไม่แพ้กันบนเวทีแห่งนี้ และยังมีสตอรี่คอยบิ้วท์อารมณ์เป็นระยะ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น GULF เป็นรายถัดมาในทันที ยิ่งเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 40 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.17 พันล้านบาท ยิ่งควรตามไปดูด้วยความเต็มใจ แถมเมื่อเทียบกับราคาเป้า 47 บาทที่โบรกเกอร์ให้ไว้ก่อนหน้านี้ มันไม่มีเหตุต้องกลัวจนไม่กล้าทำอะไรหรอกจ้า!

* เมื่อสถานการณ์ในประเทศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และทุกคนเริ่มเข้าการเทคโอเวอร์ฯ เพื่อทำให้กำไรโตแบบยั่งยืน “โมนิก้า” ย่อมเทน้ำหนักไปที่หุ้น PTTGC หมดหน้าตักที่มีอยู่ เพราะมองในมุมของบุ๊กแวลูที่อยู่แถว ๆ 70 บาท ก็กลายเป็นแต้มต่อที่ทำให้หุ้นตัวนี้เด่นขึ้นมาทันที หรือมองในมุมของค่า PE 6.60 เท่า ก็ยิ่งสบายใจขึ้นเป็นกอง เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ 63.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท น่าสนน่ะสิ

* คล้ายกับกรณีของหุ้น TIDLOR กระชากขึ้นมาปิดที่ 40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.31 พันล้านบาท พร้อมกับโฟกัสไปที่กำไรปี 2564 แตะระดับ 3 พันล้าน หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นราว ๆ 1.40 บาท ย่อมเป็นใบเบิกทางที่ทำให้หุ้นวิ่งกลับขึ้นไปหายอดแรกบริเวณ 45 บาทได้สบาย ๆ พร้อมกับเปลี่ยนโมเมนตัมหุ้นไปอย่างสิ้นเชิงแบบนี้..แมงเม่าอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงต้องเริ่มเคาะขวาแล้วล่ะคะ

* เมื่อธุรกิจหลายภาคส่วนเริ่มมีความหวังกับการเปิดเมือง ย่อมทำให้หุ้นที่เตรียมส่งมอบงานแก่ภาครัฐอย่าง AI กระดี๊กระด๊ามากเป็นพิเศษ เพราะมันหมายถึงกำไรในช่วงโค้งสุดท้ายจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.34 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 10.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 209 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 9.80 เท่าแบบนี้..มันเป็นจังหวะที่ต้องตามน้ำ และชำเลืองดูลูก AIE ด้วยนะคะ

* ในเมื่อเล่นอยู่บนความคาดหวังกันทั้งที “โมนิก้า” คงให้ความสำคัญกับหุ้น TH มากเป็นพิเศษ เพราะการขึ้นมาปิดที่ 2.74 บาท บวกไป 0.62 บาท หรือขึ้นไป 29.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 660 ล้านบาท ท่ามกลางค่าพีอี 48 เท่า ก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงการกระโดดเข้าไปยังธุรกิจบริหารสินทรัพย์กันสักหน่อย เพราะคาดหวังจะทำเงินมหาศาล และจะเป็นตัวเพิ่มแวลูให้กับหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันเอาเองว่า เชื่อได้ไหม?..อิอิอิ

Back to top button