NCL บวก 5% นิวไฮรอบเกือบ 7 ปี รับแผนปีนี้ลุยขยายธุรกิจ “โลจิสติกส์” หลังดีมานด์ขนส่งทะลัก

NCL บวก 5% นิวไฮรอบเกือบ 7 ปี รับแผนปี 65 ลุยขยายธุรกิจ “โลจิสติกส์”เต็มสูบ หลังดีมานด์ขนส่งทะลัก-ลุ้นทดสอบเป้า 4.46 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (18 ม.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL ณ เวลา 10:36 น. อยู่ที่ระดับ  4.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ 5.24% โดยทำจุดสูงสุดที่ 4.46 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225.52 ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 5 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ  4.46 บาท เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2558

โดยก่อนหน้านี้(11 ม.ค.65) นายพงษ์เทพ วิชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯยังมุ่งเน้นขยายธุรกิจหลัก เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการขนส่ง โลจิสติกส์ที่เปลี่ยนแปลงหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19   ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเส้นทางการขนส่งไปยังท่าเรือต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับลูกค้าขนส่งระหว่างประเทศ เพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ และการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

โดยได้ต่อยอดธุรกิจโกดังสินค้า และเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาคือ ธุรกิจขนส่งทางบกให้บริการ Fulfillment center หรือศูนย์รวมสินค้าที่ทำหน้าที่ในการรับสินค้าจากธุรกิจที่ใช้บริการเข้ามาจัดเก็บไว้และการจัดส่งสินค้าให้กับธุรกิจอย่างครบวงจร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาการเป็นพันธมิตรกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบจัดการสินค้าในโกดังเก็บสินค้า คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส1/2565 รวมทั้งยังได้เข้าลงทุนในธุรกิจดิจิทัลที่เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานรายได้สม่ำเสมอ

ขณะเดียวกัน NCL ยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง  จึงทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตไม่น้อยกว่าปี 2564 ซึ่งในงวด 9 เดือนของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 79.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 507.91% จากงวดเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ การที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีการเปลี่ยนไปมาก จากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้บริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจขนส่ง ทั้งปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือค่าระวางเรือที่คาดว่าจะสร้างฐานราคาใหม่ในไตรมาส 2/2565 ซึ่งคาดว่าปีนี้ปริมาณความต้องการขนส่งสินค้ายังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการขนส่ง และพื้นที่บนเรือขนส่งที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้เชื่อว่าปริมาณลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการของ NCL เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่สัดส่วนรายได้หลักปีนี้ยังคงมาจากการให้บริการขนส่งทางทะเลมากกว่า 70% และคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจใหม่ Fulfillment center อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนรายได้จาก Non-logistics ยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมขนส่งที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัตรากำไรต่อรายได้ที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจดิจิทัล จึงคาดว่าสัดส่วนกำไรของ Non logistics จะอยู่ที่ประมาณ 20-25% ของกำไรทั้งหมด

โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ให้บริการ Logistics แบบครบวงจรและไม่ปิดกั้นการเข้าศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู้ค้า และพนักงานอย่างยั่งยืน

 “ดังนั้นภาพธุรกิจของ NCL ต่อจากนี้จะออกจากกรอบการดำเนินงานแบบเดิม โดยจะพัฒนารูปแบบการดำเนินงานและบริการในรูปแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้รวดเร็ว แม่นยำมากยิ่งขึ้น  พร้อมใช้ความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลในการพัฒนาบริการใหม่ที่ตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในสภาวะอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” นายพงษ์เทพ กล่าว

 

บล.คิงส์ฟอร์ดระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(18 ม.ค.2565)

NCL

Resistance 4.46

Support 4.08

แนะนำเก็งกำไร แท่งเทียนทยอยฟื้นตัวขึ้นจากแนวพัก พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น หนุนด้วยสัญญาณบวกจาก MACD และ RSI ระยะสั้นลุ้นการขึ้นทดสอบแนวต้านหลัก 4.46  บาท ส่วนแนวรับวางไว้ที่ 4.08 บาท ส่วนจุด Stop Loss อยู่ที่ 4.00 บาท

Back to top button