TRUE เทรดใหม่วันแรกเปิด 8.35 บ. โบรกแนะ “ซื้อ” เคาะเป้า 10 บาท

TRUE เปิดเทรดวันแรก 8.35 บ. โบรกปรับประมาณการกำไรปี 66-67 เพิ่มขึ้นอีก 20% รับดีลควบรวม โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (3 มี.ค.66) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กลับมาเปิดเทรดวันแรกหลังควบรวม มาที่ 8.35 บาท จากราคาตลาด ณ วันที่ 17 ก.พ.66 ในวันซื้อขายสุดท้ายอยู่ที่ระดับ 8.51 บาท โดย ณ เวลา 10:32 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.30 บาท ทำจุดสูงสุดที่ 8.40 บาท และต่ำสุดที่ 8.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TRUE ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 8.40 บาท หลังจากปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากสมมติฐาน ARPU สูงขึ้น

สำหรับธีมการลงทุน ได้แก่ มุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มเพราะคาดว่าการแข่งขันจะลดลงจากปีนี้ไป และ TRUE ในฐานะบริษัทใหม่จะมีกำไรตั้งแต่ต้น และกำไรจะมากกว่าบริษัทเก่าสองบริษัทรวมกันอย่างมาก EV/EBITDA ปี 66 อยู่ที่ 8.7 เท่าจะลดลงอีกจากกลยุทธ์การประหยัดต้นทุนที่บริษัทประกาศออกมา

เนื่องจากธุรกิจที่มีผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) ทำให้ TRUE ไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการตัดราคาเพื่อให้ได้ลูกค้าเพิ่มอีกหลังควบรวม เพราะจะเหลือผู้เล่นหลักในตลาดมือถือ และ Fixed Broad Band (FBB) เพียงสองรายเท่านั้น คือ TRUE และ ADVANC ซึ่งความสามารถในการให้บริการลูกค้าจะไม่แตกต่างกันมากเหมือนในอดีต ดังนั้น บริษัทจึงไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคามาแข่ง หมายความว่า ARPU จะดีขึ้นในระยะยาว

นอกจาก TRUE จะมีกำไรตั้งแต่ปีแรกหลังควบรวมแล้ว กำไรยังจะมากกว่ากำไรรวมจากสองบริษัทที่ดำเนินการแยกกันอีก โดยกำไรที่จะมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะ ARPU ดีขึ้น และการลดต้นทุน โดยเฉพาะค่าเสื่อมราคาที่เกิดจากการ write-down สินทรัพย์เพื่อลดสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อนกัน

รวมถึง TRUE จัดทำงบการเงินแบบ pro forma ในส่วนของงบดุล และงบกำไรขาดทุนของบริษัทหลังควบรวมย้อนไปถึงปี 64 และ 65 สิ่งที่พบจากงบ pro forma คือ COGS อยู่ที่ปีละ 1.1 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าที่ประเมินเบื้องต้นเอาไว้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงจากการ write-off สินทรัพย์ที่รับรู้ทั้ง DTAC และ TRUE ก่อนควบรวม ถึงแม้การลดค่าเสื่อมราคาจะไม่กระทบกับสถานะกระแสเงินสดของ TRUE แต่ก็ช่วยหนุนสภาวะของ TRUE ในแง่ของกำไรที่จะเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เริ่มควบรวม

ทั้งนี้ สมมติฐานที่เปลี่ยนไปอย่างแท้จริงคือ ARPU โดยเราปรับเพิ่มสมมติฐาน ARPU ของบริการมือถือจาก -3% เป็นทรงตัวในปี 66 และ 67 ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้นอีก 20% ซึ่งเมื่ออิงตามประมาณการใหม่ ซึ่งคาดว่ากำไรปี 66 จากธุรกิจหลักของ TRUE จะอยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 347% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ากำไรปี 67 อยู่ที่ 7.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ประมาณการปี 66 ของเรายังไม่ได้สะท้อนถึงการประหยัดต้นทุนที่อาจจะเกิดขึ้นหลังควบรวม โดยเราจะรอฟังข้อมูลจากบริษัทก่อนจึงค่อยปรับประมาณการอีกครั้ง

Back to top button