A5 บวก 3% แย้มผลงานโตทุกไตรมาส ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.6 พันล้าน

A5 บวก 3% แย้มผลงานโตทุกไตรมาส จับตารายได้ปีนี้แตะ 1.6 พันล้าน โตกระฉูด 2 เท่า ขณะที่ไตรมาส 2/66 บุ๊กต่อเนื่องรายได้โอนบ้านหรู “แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา” และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ พร้อมลุ้นหากปีนี้กำไรงามมีโอกาสพิจารณาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 มิ.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ณ เวลา 11:55 น. อยู่ที่ระดับ 4.70 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.07% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 20.73 ล้านบาท

ด้านนายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวหุ้นเจาะตลาด ทาง Kaohoon TV Online และสถานีวิทยุกระจายเสียง ขส.ทบ. FM 102 MHz ว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมในปี 2566 ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เติบโต 2.4 เท่าตัว จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 664.43 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 338.62 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 86.80 ล้านบาท จากทั้งปีของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.79 ล้านบาท

“กำไรจะมาจาก 2 ส่วน คือ 1.รายได้จากการขาย และ 2.การบริหารต้นทุน โดยหลัก ๆ มาจากค่าที่ดิน และค่าก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมา A5 ได้ที่ดินมาในราคาที่ดี ราคาต่ำกว่าตลาด ส่วนในเรื่องของต้นทุนการก่อสร้าง เราใช้พันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมานาน และเป็นผู้รับเหมาที่มีคุณภาพดี การที่เราพัฒนาโครงการบ้านหรู เราไม่มีการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง เพราะต้องการให้วัสดุมีคุณภาพดีอย่างเต็มที่ แต่กำไรที่เพิ่มขึ้นจะไปเพิ่มในส่วนของราคาบ้าน ซึ่งเราค่อนข้างทำราคาได้ดี ลูกค้าที่ซื้อบ้านจะเห็นถึงมูลค่าเพิ่มของบ้านของ A5 ด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ จึงตัดสินใจซื้อ ทำให้กำไรของบริษัทดี” นายศุภโชค กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายการรับรู้รายได้เติบโตขึ้นทุก ๆ ไตรมาส โดยตลาดที่ A5 จับนั้น จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่ดี มีการกู้ยืมสินเชื่อน้อย ซึ่งไตรมาส 2/2566 จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการ แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ในระดับราคาขาย 60-150 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น จากไตรมาส 1/2566 ที่มีการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวแล้ว 305 ล้านบาท และเตรียมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ปัจจุบันมียอดจองซื้อแล้วกว่า 87% ของมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท

ขณะที่ทิศทางการพัฒนาโครงการในอนาคต บริษัทจะยังคงเน้นพัฒนาโครงการประเภทแนวราบเป็นหลัก ซึ่งในอีก 1-2 ปีจากนี้ บริษัทมีแผนงานที่ชัดเจนจะมุ่งพัฒนาโครงการแนวราบ โดยมีโครงการที่จะเปิดใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2566-2567 แล้ว จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,400 ล้านบาท ซึ่งยังคงจับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ต่อไป

ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) พบว่าตลาดของคนสร้างบ้านเองมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเหตุผลที่สร้างบ้านเอง เพราะบ้านที่มีอยู่ในตลาดไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นตลาดที่ใหญ่มาก และด้วยเป้าหมายในปี 2566 ของ A5 ที่วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท และในปี 2569 จะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท ถือว่ายังมีส่วนแบ่งที่น้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดรวมดังกล่าว และด้วยแบบบ้านของ A5 ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ จึงเป็นโอกาสในการเติบโตของ A5

นายศุภโชค กล่าวอีกว่า การที่ A5 เติบโตได้เร็ว และมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะ A5 เป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก อัตราเร่งในการเติบโตจึงทำได้เร็วกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสในการขยายธุรกิจ ทั้งในรูปแบบของการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน หรือในรูปแบบอื่น ๆ สำหรับความแตกต่างของการซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการเอง กับการที่มีพันธมิตรเป็นเจ้าของที่ดินจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของการร่วมทุนและการประเมินที่ดิน แต่จะทำให้บริษัทมีโครงการในพอร์ตได้มากขึ้น

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงทรงจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากทิศทางของดอกเบี้ยที่เป็น Purchasing Power หลัก ทั้งของลูกค้าและของผู้ประกอบการ ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ทรง ๆ โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการก่อสร้าง จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา, 2.โครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์, 3.โครงการ บ้านรชยา ประชาสันติ จังหวัดอุดรธานี และ 4.โครงการ บ้านรชยา เอกมันตรา จังหวัดอุดรธานี ซึ่งในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จาก 4 โครงการดังกล่าว

ด้านแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการ จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน รวมถึงการออกหุ้นกู้ และล่าสุดบริษัทได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความพร้อมในการขยายโครงการเพิ่มขึ้นในอนาคต

“ในส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น บริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผล 50% ของกําไรสุทธิหลังหักภาษี และสํารองตามกฎหมาย โดยคํานวณจากงบการเงินเฉพาะบริษัท (งบเดี่ยว) ซึ่งในปี 2565 บริษัทได้แจกฟรีวอร์แรนต์แทนการจ่ายเงินปันผล และหากในปี 2566 บริษัทมีกำไรที่เหมาะสม ก็มีโอกาสในการพิจารณาการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วย” นายศุภโชค กล่าว

Back to top button