
TSE เปิดรายได้ Q1 โต 11% แตะ 345 ล้านบาท ลั่นรุกลงทุนโรงไฟฟ้าเต็บสูบ
TSE เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีรายได้ 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า สุขภาพ และ ความงาม ลุยประมูลและจัดหาโครงการใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้รวม 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 312 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท มี EBITDA จากการดำเนินงานปกติ จำนวน 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี EBITDA จำนวน 150 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่ม บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการดำเนินงานปกติ อีกทั้งกลุ่ม บริษัทฯ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานจากการผลิตไฟฟ้า รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจสุขภาพ
สำหรับเหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ได้ชำระคืนหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 มูลค่า 1,200 ล้านบาท พร้อมจ่ายดอกเบี้ยครบเต็มจำนวน ตอกย้ำสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น ได้อนุมัติขายหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด หรือ TSR ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้า (JV) โดย TSR ถือหุ้น 60% หรือ จำนวน 35 ล้านหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท
อย่างไรดี หากรวมหนี้สินสุทธิของกิจการ จำนวน 264.4 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จะคิดเป็นมูลค่ากิจการประมาณ 2,056 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2568
ขณะเดียวกัน บริษัทย่อยคือ บริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด (BSW) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญารับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตเพิ่มเติม จากเดิม 4.6 MW เป็น 5.2 MW โดยปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดส่วนเพิ่ม 0.6 MW ระยะเวลาสัญญา 2 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2569
ทั้งนี้ ในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งในเรื่องการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่าง ๆ จากที่ได้คัดเลือก และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ การแตกไลน์สู่ธุรกิจด้านสุขภาพและความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก โดยมั่นใจว่าด้วยฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ทว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลและจัดหาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เสริมศักยภาพในการทำกำไร และมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น” ดร.แคทลีน กล่าว ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งในรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ (แบบติดตั้งบนพื้นดิน ลอยน้ำ และบนหลังคา) และพลังงานชีวมวลในประเทศไทย