
“ทองนิวยอร์ก” ปิดพุ่ง 70.80 เหรียญ แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
“ทองคำตลาดนิวยอร์ก” ปิดพุ่งขึ้น 70.80 ดอลลาร์ มากกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงาน สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในวันศุกร์ (23 พ.ค.68) และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าอีกครั้ง และเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 70.80 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 3,365.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีท่าทีแข็งกร้าวอย่างชัดเจน ทั้งขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป 50% ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.68, วิพากษ์วิจารณ์บริษัทแอปเปิ้ลและมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เหตุการณ์เหล่านี้สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นอย่างมาก และเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า ความกังวลเรื่องภาษีที่กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว อาจทำให้ความผันผวนของราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นอีก
ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ (26 พ.ค.68) เนื่องในวันเมโมเรียล เดย์ (Memorial Day)
ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงหลังทรัมป์แนะนำให้เก็บภาษี 50% ต่อสินค้านำเข้าจาก EU และกล่าวด้วยว่า แอปเปิ้ลจะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 25% สำหรับ iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ผลิตในประเทศ
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.9% ซึ่งช่วยให้ทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น
ในวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.68) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านร่างกฎหมายภาษีและใช้จ่ายครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นหลายล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ทองคำมักได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ