กนง. เสียงแตก! มติ 6:1 คงดอกเบี้ย 1.75% จับตาเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเสี่ยงชะลอ

"กนง." มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี โดยกรรมการ 1 เสียงเสนอให้ลด 0.25% เพื่อลดภาระดอกเบี้ย เผยเศรษฐกิจครึ่งปีแรกดีกว่าคาด แต่ห่วงแนวโน้มครึ่งปีหลังชะลอตัวจากพิษนโยบายภาษีสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นลดลง พร้อมจับตาสินเชื่อหดตัว-คุณภาพด้อยลงใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (25 มิ.ย.68) นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี ขณะที่มีกรรมการ 1 ท่านเห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.50

โดยกรรมการเสียงข้างมากให้เหตุผลว่า แม้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้จากการผลิตและการเร่งส่งออก แต่แนวโน้มข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง จึงควรให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินและเพื่อรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัด

นอกจากนี้ กนง. ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ดังนี้ เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 1 และ 2 ที่ดีกว่าคาด โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ขณะที่ เศรษฐกิจไทยปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 1.7

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และปี 2569 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 และปี 2569 อยู่ที่ร้อยละ 0.9

ขณะเดียวกัน กนง. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะกระทบการส่งออกสินค้าของไทยมากขึ้น ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามรายได้และความเชื่อมั่นที่ลดลง ด้านภาคการท่องเที่ยว แม้รายรับจะยังขยายตัวจากค่าใช้จ่ายต่อหัว แต่นักท่องเที่ยวปรับลดลง

ส่วนสินเชื่อหดตัวสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และครัวเรือนรายได้ต่ำ ประกอบกับความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจลดลงนอกจากนี้ คุณภาพสินเชื่อยังคงปรับตัวด้อยลง โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาคจากปัจจัยภายนอก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง และพร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า

Back to top button