IRPC วิ่งต่อ 3% ลุ้นไตรมาส 2 สเปรดปิโตรเคมีฟื้น หนุนผลงานสดใส

IRPC บวกต่อ 3% คาดหวังไตรมาส 2/68 สเปรดปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว หนุนผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น พร้อมบริหารจัดการต้นทุนเข้มงวด แปลงสินทรัพย์สร้างรายได้ ตั้งวอร์รูมรับมือปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 14:56 น. อยู่ที่ระดับ 0.76 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 2.70% สูงสุดที่ระดับ 0.77 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.73 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13.36 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นางสาวเอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 สเปรดน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการไตรมาสนี้ให้ปรับตัวดีขึ้น เทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลขาดทุน 1.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทต้องบริหารจัดการต้นทุนให้เข้มงวดมากขึ้น และจัดตั้งวอร์รูมรับมือปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เข้มงวดขึ้น โดยจะนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาสร้างรายได้ (Asset Monetization) ซึ่งยังไม่สามารถบอกชัดได้ว่าผลประกอบการในปีนี้จะเป็นบวกหรือเป็นลบ แต่คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ลดลง รวมทั้งคาดว่าจะมีกำไรจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และการบริหารจัดการเงินลงทุนบริษัทในเครือ

สำหรับสถานการณ์ปิโตรเคมีที่ตกต่ำค่อนข้างลากยาว ทำให้มีความกังวลต่อการดำเนินงาน สภาพคล่อง และเครดิตเรตติ้งของบริษัท ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งกระทบทั่วโลก สิ่งที่บริษัททำได้คือการควบคุมดูแลค่าใช้จ่าย ยกระดับการดำเนินงาน (Uplift) การทำ Asset monetization ทั้งในส่วนที่เป็นท่าเรือและแทงก์ฟาร์ม ซึ่งมีการศึกษามาตั้งแต่ปีที่แล้ว จะมีการจัดที่ดินบางส่วนเพื่อขายให้กับนักลงทุนที่ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีการเข้าไปคุยกับพันธมิตรแล้ว

นอกจากนี้ แผนจัดการเงินลงทุนบริษัทในเครือ จะพยายามยกระดับบริษัทลูกด้วย ซึ่งอาจมีบางส่วนที่มีการเจรจาเพื่อขายเงินลงทุนให้กับนักลงทุนรายอื่นที่สนใจ เพื่อที่บริษัทได้กระแสเงินสดเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า โดยกระแสเงินสดที่เข้ามาจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนกับการบริหารจัดการเงินลงทุนของบริษัทลูก จะนำมาใช้ในสิ่งจำเป็นเร่งด่วน อาทิ การจัดการภาระหนี้สินทั้งดอกเบี้ยและภาระคืนหนี้ระยะยาว รวมทั้งบริหารสภาพคล่อง แม้ช่วงนี้สเปรดปิโตรเคมีและสเปรดน้ำมันบางส่วนเริ่มฟื้น ดังนั้นบริษัทจะนำเงินส่วนที่เหลือจากการดูแลภาระหนี้ มาใช้บริหารจัดการให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอในธุรกิจของบริษัท

อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากพ้น 3 ปีนี้ไป นักวิชาการหลายแห่งคาดการณ์ว่าธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะกลับมาฟื้นตัว ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ราคาปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทจะพยายามสร้างสมดุลโดยลด Inventory ลง จากที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล จะปรับลดให้เหลือประมาณ 7 ล้านบาร์เรล เพื่อลด Stock Loss ได้บางส่วน

Back to top button