หุ้นยุโรปปิดบวก เก็งกลุ่มเหมืองแร่-จับตานโยบายเฟด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย. 68) ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

• ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 48 จุด เพิ่มขึ้น 0.50 จุด หรือ +0.093%
• ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 7,557.31 จุด ลดลง 85 จุด หรือ -0.011%
• ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 23,649.30 จุด เพิ่มขึ้น 97 จุด หรือ +0.64%
• ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 8,735.60 จุด เพิ่มขึ้น 85 จุด หรือ +0.19%

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มระดับการวิพากษ์วิจารณ์ต่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด พร้อมบอกใบ้รายชื่อผู้ที่จะมาแทนตำแหน่งดังกล่าว โดยอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้

ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ หนุนโดยความหวังว่า การหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลจะยังคงดำเนินต่อไป แม้ยังไม่มีข้อตกลงถาวร

หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศปรับตัวขึ้น 3.1% หลังผู้นำนาโตเห็นชอบให้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งเกือบ 4% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน จากแรงหนุนของราคาทองแดงที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

หุ้นรายตัวที่โดดเด่น อาทิ ไรน์เมทัล (Rheinmetall), คิเนติก (QinetiQ) พุ่งขึ้น 7.3%, แอร์บัส (Airbus) เพิ่มขึ้น 2.7% และซาบ (Saab) บวก 6.3% ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มสินค้าหรู และสินค้าอุปโภคปรับตัวลดลงกว่า 1.4%

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีเดือนกรกฎาคมมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย จากความกังวลของครัวเรือนที่หันมาเน้นการออม แม้แนวโน้มรายได้จะปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดยังจับตาเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม สำหรับการสิ้นสุดมาตรการชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยการเจรจาการค้าส่วนใหญ่ยังคงชะงัก ยกเว้นข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับสหราชอาณาจักร ขณะที่สหภาพยุโรปยังอยู่ระหว่างพิจารณาทางเลือกในกรอบเจรจาร่วม