“ทรัมป์” ไม่ถอย สั่งเก็บภาษี “รถยนต์ญี่ปุ่น” อ้างขาดดุลการค้า

โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนกราน เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น อัตราสูง 25% แม้โตเกียวคัดค้าน ชี้สหรัฐขาดดุลการค้าญี่ปุ่นมหาศาล กระทบผลเจรจาระหว่างสองประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (30 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยหลังการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้ 29 มิ.ย. ว่าไม่มีแผนที่จะพับแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากรรถยนต์ในอัตราที่สูงกับญี่ปุ่น แม้ญี่ปุ่นจะคัดค้านอย่างหนักในการเจรจาที่หยุดชะงักไปแล้วก็ตาม

ทรัมป์ กล่าวว่า รัฐบาลของเขาพร้อมร่อนจดหมายข้างเดียวไปยังญี่ปุ่นและคู่ค้ารายอื่นๆ ในเร็วๆ นี้ เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับการส่งออกมายังสหรัฐฯ

โดยการยืนยันจุดยืนดังกล่าวของทรัมป์มีขึ้นในขณะที่การพักการเรียกเก็บภาษีกับแต่ละประเทศเป็นเวลา 90 วัน ของรัฐบาลของเขาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค. และการเจรจากับญี่ปุ่นที่หยุดชะงัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์จาก 2.5% เป็น 27.5% ในเดือนเม.ย.

ทรัมป์กล่าว หลังถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการขยายเวลาพักการเรียกเก็บภาษี โดยยกตัวอย่างญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ

“ผมสามารถส่งจดหมายถึงญี่ปุ่นได้เลย ถึงคุณญี่ปุ่น เรื่องมันเป็นแบบนี้ คุณจะต้องจ่ายภาษี 25% สำหรับรถยนต์ของคุณ … พวกเขาไม่รับรถยนต์ของเรา แต่เรารับรถของพวกเขาเข้ามายังสหรัฐฯ หลายล้านคัน มันไม่ยุติธรรมเลย … ผมอธิบายเรื่องนี้กับญี่ปุ่น และพวกเขาก็เข้าใจ เราบอกพวกเขาเรื่องที่เราขาดดุลอย่างมากกับญี่ปุ่น และพวกเขาก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน” ทรัมป์ กล่าว

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า ญี่ปุ่นสามารถซื้อน้ำมันจำนวนมากและสินค้าอื่นๆ ของสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลได้

“ส่วนบางประเทศ เราไม่แคร์ … เราแค่ส่งตัวเลขสูงๆ ออกไป … เราไม่ต้องพบปะกันด้วยซ้ำ เราเข้าใจ เรามีข้อมูลอยู่แล้ว” ทรัมป์ กล่าว

สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า เรียวเซ อากาซาวะ หัวหน้าคณะผู้เจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น เดินทางถึง กรุงวอชิงตัน ในวันพฤหัสบดี 26 มิ.ย. เพื่อเข้าร่วมการเจรจาภาษีศุลกากรระดับรัฐมนตรีรอบที่ 7 โดยการเดินทางครั้งล่าสุดของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นและทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้เมื่อทั้ง 2 พบกันที่แคนาดาเมื่อต้นเดือนนี้

ทั้งนี้ แม้อากาซาวะจะเลื่อนแผนออกเดินทางเดิมของเขาออกไปหนึ่งวันเป็นวันอาทิตย์ 29 มิ.ย. แต่เขาไม่สามารถนัดพบกับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในกลยุทธ์การค้าของทรัมป์ได้

Back to top button