PTTEP เด้ง 1% ลุ้นครึ่งปีหลังสดใส! ยอดขายปิโตรเลียมเพิ่ม-ต้นทุนลด จ่ายปันผลสูง 8%

PTTEP เด้ง 1% ขยับรับคาดการณ์กำไรครึ่งปีหลังฟื้นตัว โบรกชี้ต้นทุนลด-ยอดขายปิโตรเลียมเพิ่ม หนุนกำไรต่อเนื่อง พร้อมจ่ายปันผลจูงใจสูงถึง 8% ต่อปี ขณะที่ราคาน้ำมันยังอยู่ในกรอบที่บริษัทบริหารความเสี่ยงได้ดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ณ เวลา 15:08 น. อยู่ที่ระดับ 108.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.93% สูงสุดที่ระดับ 109.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 107.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 497.80 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะ premium จากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดลง หลังอิสราเอล-อิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ตามรายงานของ Reuters (30 มิ.ย.) กลุ่ม OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกรอบในเดือนส.ค.68 ซึ่งน่าจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดโลกจนถึงไตรมาส 4/68

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่โรงกลั่นทั่วโลกมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงและสต็อกตึงตัว (ทั้งน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน) จะยังช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบไปอีก 2-3 เดือน โดย PTTEP ระบุว่าบริษัทมีสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันอีก 6 ล้านบาร์เรล ณ สิ้นไตรมาส 2/68 ซึ่งจะชำระราคาทั้งหมดภายในปี 68 ฝ่ายวิเคราะห์ฯ จึงประมาณการว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะทำให้ประมาณการ EPS ในปี 68 ของ PTTEP เพิ่มขึ้น 1.3% ในทางกลับกัน

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า การที่ไตรมาส 2/68 ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโครงการ G1 (เอราวัณ) และการถือหุ้นเพิ่มในโครงการสินภูฮ่อมจะทำให้ PTTEP มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจาก 4.84 แสนบาร์เรล/วันในไตรมาส 1/68 เป็น 5.02 แสนบาร์เรล/วันในไตรมาส 2/68

นอกจากนี้ PTTEP น่าจะมีปริมาณการขายปิโตรเลียมเหลว (น้ำมัน/คอนเดนเสท) เพิ่มมากขึ้น เพราะโครงการของบริษัทในตะวันออกกลางมีการโหลดน้ำมันตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยของ PTTEP น่าจะลดลงเหลือ 43.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 2/68 จาก 45.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงแรง

ด้านค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงโครงการ G1 ทำให้ PTTEP ให้แนวทางว่าค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (DD&A) น่าจะเพิ่มขึ้น 0.5-1.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนต่อหน่วยสูง (มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ในไตรมาส 2/68 อย่างไรก็ตาม PTTEP เชื่อว่าแผนลดต้นทุนน่าจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยในปี 68 อยู่ที่ไม่เกิน 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้ PTTEP เผยว่าจะบันทึกค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐจากโครงการ Mexico Block 29 ซึ่งขายให้กับ Repsol Exploration Mexico เพราะ PTTEP มองว่ารัฐบาลอาจอนุมัติโครงการนี้ล่าช้า อีกทั้งที่ตั้งโครงการไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทอีกต่อไป

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 12.6% YTD จึงทำให้ราคาหุ้น PTTEP underperform ดัชนี SET 13.4% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มกำไรช่วง 6 เดือนข้างหน้ายังมีแรงหนุนจากราคาก๊าซที่ยืดหยุ่น และเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ Brent ยังอยู่ในกรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงมองว่า PTTEP มีความเสี่ยงที่จะต้องบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ปิโตรเลียมจำกัด ยกเว้นโครงการ Mozambique LNG (มูลค่าทางบัญชีเหลืออยู่ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2/68) หากยังไม่สามารถเริ่มงานก่อสร้างภายในครี่งปีหลังนี้

ดังนั้นยังแนะนำ “ซื้อ” PTTEP เพราะอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 8% ในปี 68 ยังน่าสนใจ นอกจากนี้ การที่บริษัทมีสถานะเงินสดสุทธิยังทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลสูง 8-9 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าปัจจัยที่ช่วยหนุนคือต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากปริมาณขายปิโตรเลียมที่น้อยกว่าคาด

Back to top button