
“เฟด” ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย-หั่น GDP ปีนี้เหลือ 1.4%
รายงานการประชุมเฟดเผยกรรมการส่วนใหญ่เห็นควรลดดอกเบี้ยปีนี้ แม้ยังไม่มีเสียงหนุนลดแรง ขณะปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 1.4% และเงินเฟ้อขยับแตะ 3.1%
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 17-18 มิถุนายน 2568 ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นว่าเหมาะสมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยพิจารณาจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อซึ่งคาดว่าจะไม่รุนแรงและมีลักษณะชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม มีกรรมการเพียงไม่กี่รายที่สนับสนุนให้ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม และไม่มีกรรมการรายใดเสนอให้ปรับลดดอกเบี้ยในลักษณะที่มากหรือรวดเร็ว แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีท่าทีเรียกร้องให้เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าวก็ตาม โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50%
รายงานการประชุมยังสะท้อนว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน “อาจอยู่ไม่ไกลจากระดับที่เป็นกลาง” ซึ่งหมายถึงระดับที่ไม่เร่งหรือลดทอนกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากจนเกินไป อีกทั้งยังเห็นพ้องกันว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่นโยบายการเงินยังอยู่ในระดับค่อนข้างเข้มงวด
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการจึงเห็นควรรอดูความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยพร้อมปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสม หากมีความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายของเฟด โดยเฉพาะเป้าหมายด้านเงินเฟ้อ
ในการประชุมดังกล่าว เฟดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม พร้อมส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยลดครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ตลอดปี
ขณะเดียวกัน เฟดยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปี 2568 ลงเหลือ 1.4% จากเดิมที่คาดไว้ 1.7% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นเป็น 3.1% จากเดิมที่ 2.8% สะท้อนถึงแรงกดดันด้านราคาในระบบเศรษฐกิจที่ยังไม่คลี่คลาย