
“พิชัย” แจงเชิญ “ทักษิณ” ร่วมถกรับมือภาษีทรัมป์ ย้ำไทยต้องไม่เสียเปรียบคู่แข่ง
รองนายกฯ “พิชัย” เผยผลหารือทีมเศรษฐกิจและอดีตนายกฯ “ทักษิณ” เดินหน้าต่อรอง “ภาษีทรัมป์” เร่งสรุปผลกระทบแต่ละอุตสาหกรรม ย้ำไม่ให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งในภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ค.68) เวลา 11:05 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาการค้าและภาษีกับสหรัฐอเมริกา (หัวหน้าทีมไทยแลนด์) เปิดเผยผลการหารือร่วมกับรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือที่เรียกว่า “ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก” และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายพิชัย ระบุว่า จดหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการขยายเวลาในการเจรจา โดยไทยยังมีเวลาถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ในการหาข้อยุติเบื้องต้นกับสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นข้อสรุปในภาพรวม และยังจำเป็นต้องหารือต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง
สำหรับการเตรียมการ นายพิชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และบริษัทรายใหญ่ เพื่อประเมินแนวทางรองรับผลกระทบ โดยมอบหมายให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจัดทำรายละเอียดแยกตามหมวดธุรกิจ (sector) เพื่อสรุปภาพรวมผลกระทบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ ข้อเสนอที่ใช้ในการเจรจามุ่งเน้นให้การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมรายย่อย รวมถึงทบทวนกระบวนการกำกับดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ไม่เหมาะสมเข้าสู่ตลาด และเร่งเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านนำเข้าและส่งออก พร้อมพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับการเชิญนายทักษิณเข้าร่วมหารือในครั้งนี้ นายพิชัย ชี้แจงว่า เนื่องจากนายทักษิณมีประสบการณ์และความรู้ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์
ส่วนการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนั้น นายพิชัย ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือทางออนไลน์กับผู้ปฏิบัติงาน หากจำเป็นอาจปรับปรุงข้อเสนอในบางส่วนที่ไทยเห็นควรปรับอยู่แล้ว และหากสถานการณ์ต้องการก็พร้อมเดินทางไปเจรจาโดยตรง
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ไทยไม่ต้องการตั้งเป้าผลลัพธ์เป็นตัวเลข แต่ย้ำว่าผลการเจรจาต้องไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง โดยสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเกษตร แม้มูลค่าอาจไม่สูงนัก แต่เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก จึงเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คู่แข่งทางการค้าในภูมิภาคที่มักถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบและสะท้อนความกังวล ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งหลัก เนื่องจากมีอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บต่ำกว่าไทย คือ 20% ขณะที่ไทยอยู่ที่ 36% รวมถึงมาเลเซีย ซึ่งได้รับอัตราภาษี 25%
“ทักษิณ” ร่วมหารือบ้านพิษณุโลก ถก “ทีมไทยแลนด์” แผนรับมือภาษีทรัมป์