CGSI มองกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,200–1,225 จุด ชูหุ้นเด่น GULF-TTB

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ประเมินภาพรวมตลาดโลกยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวคละกันหลังมีรายงานว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมผลักดันการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตราสูงหากกลับมาดำรงตำแหน่ง ส่งผลให้นักลงทุนลดความเสี่ยงในช่วงท้ายสัปดาห์

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 142.30 จุด (-0.32%) ขณะที่ S&P500 ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.57 จุด (-0.01%) และ Nasdaq ยังปิดบวกเล็กน้อย 10.01 จุด (+0.05%) ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์แทบไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางปัจจัยคว่ำบาตรรัสเซียจาก EU และความวิตกด้านอุปทาน ขณะที่ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่า และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

โดย CGSI ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ในสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,200–1,225 จุด โดยจับตาการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ และการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB

1) BBL ทำกําไรสุทธิ 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 6.2% จากไตรมาสก่อนหน้า) ในไตรมาส 2/68 ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเรา 6% โดย แม้สินเชื่อในไตรมาส 2/68 ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่สินเชื่อในครึ่งแรกของปี 68 ขยายตัว 0.7% จากสิ้นปี 67 และ NPL เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะมีสินเชื่อกลับมาเป็น NPL จากกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและการพาณิชย์

2) TTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, ลดลง 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า) มาอยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการของเราในไตรมาส 2/2568 และประมาณการของ Bloomberg โดย สินเชื่อในไตรมาส 2/2568 หดตัวจากสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ลดลง ส่วนโครงการบรรเทาหนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อในไตรมาส 2/2568 ลดลง 0.1% คงคำแนะนำ “ถือ” โดยคงราคาเป้าหมายที่คำนวณจาก GGM

หุ้นแนะนำ มีดังนี้

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจช่วยให้บริษัทสาธารณูปโภคของไทยลดต้นทุนทางการเงินลงได้ GULF คือ หนึ่งใน Top pick ของเรา ซึ่งอยู่ในสถานะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแนวคิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นผู้นำในด้านอัตรากำไร (Take profit : 45.50 / Stop loss : 44.50)

TTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า) อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 14.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 9.1% จากไตรมาสก่อนหน้าแข็งแกร่งจาก กำไรจากตราสารทางการเงิน รายได้จากเงินปันผล และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอื่นๆ (Take profit : 1.91 / Stop loss : 1.87)