
PMTA วิ่งเกือบ 3% รับกำไรไตรมาส 2 โต 23% หลังต้นทุน-ค่าใช้จ่ายลด
PMTA บวกเกือบ 3% หลังรายงานกำไรไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น 23% มาที่ 61 ล้านบาท หลังต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายปรับตัวลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ขายและให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ณ เวลา 10:59 น. อยู่ที่ระดับ 9.95 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 2.58% สูงสุดที่ระดับ 10.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.23 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น PMTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 68 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยบริษัทเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 โดยระบุว่าในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกแรกของปี ความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาปุ๋ยที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับราคาผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ในระดับดี อีกทั้งรัฐบาลเวียดนามได้ประกาศเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 5% สำหรับผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอีกครั้ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ขณะที่ตลาดส่งออกในไตรมาสนี้ชะลอตัวชั่วคราว โดยเฉพาะยอดขายในภูมิภาคแอฟริกา แม้รายได้จากการขายในสกุลเงินดองเวียดนาม (VND) เพิ่มขึ้น 5.8% แต่การแข็งค่าของเงินบาทราว 12% เมื่อเทียบกับเงินดอง ส่งผลให้รายได้จากการขายตามบัญชีลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มาอยู่ที่ 1,041.6 ล้านบาท
ขณะที่มีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 203.7 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 19.1% เป็น 19.6% ส่วน EBITDA อยู่ที่ 97.8 ล้านบาท และด้วยต้นทุนทางการเงินที่ลดลง รวมถึงมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 6.8 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 61.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปริมาณการจำหน่ายปุ๋ยรวมอยู่ที่ 52,301 ตัน ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปุ๋ยเคมีเชิงผสม (NPK) เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 45,024 ตัน ขณะที่ปุ๋ยเคมีเชิงเดี่ยวลดลง 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 7,277 ตัน จากการลดลงของกิจกรรมเทรดดิ้ง โดยปริมาณขายในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 49,123 ตัน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายปุ๋ย NPK ที่เพิ่มขึ้นถึง 24% ส่วนการส่งออกอยู่ที่ 3,178 ตัน ลดลงราวครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของการส่งออกไปยังแอฟริกาและประเทศไทย
ด้านรายได้จากผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 43.4 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานและรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 31.4 ล้านบาท โดยยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสามารถในการรักษารายได้จากกิจกรรมสนับสนุนทางธุรกิจ แม้สภาวะตลาดปุ๋ยในบางภูมิภาคยังเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก