
KTC แย้มครึ่งปีหลังสดใส ลุยแคมเปญใหม่-บริหารต้นทุน ตั้งเป้าคุม NPL ไม่เกิน 2%
KTC ส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส เดินหน้าจัดแคมเปญใหม่ พร้อมเน้นบริหารต้นทุน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะหมวดประกัน โรงพยาบาล และความงาม พร้อมตั้งเป้า NPL ไม่ให้เกิน 2%
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 14 ส.ค.68 ว่า ในไตรมาส 2/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,894.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,826.19 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 6,781 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของ พอร์ตสินเชื่อบุคคลและพอร์ตสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน และรายได้ค่าธรรมเนียม อยู่ที่ 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หลัก ๆ จากรายได้ค่าธรรมเนียม Interchange ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ยังคงขยายตัวได้ดีสุทธิจาก หนี้ สูญได้รับคืนลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 992 ล้านบาท
โดยยืนยันเป้าหมายทั้งปียังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลังทำกำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3,755 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ปี 68 มีโอกาสที่จะกำไรสุทธิสูงกว่าปี 67 อยู่ที่ 7,437 ล้านบาท ขณะที่อัตราการเติบโตของสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1.2% จากเป้าหมายทั้งปีที่ 4-5% โดยคาดว่าจะสามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย
ด้านคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ (NPL) อยู่ที่ 1.83% ซึ่งต่ำกว่าเพดานสูงสุดที่ตั้งไว้ไม่เกิน 2% สะท้อนถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรครึ่งปีแรกเติบโต 4.4% จากเป้าหมายทั้งปี 10%
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศมาตรการกำกับดูแลใหม่ใดๆ อย่างเป็นทางการ แต่ยังคงมาตรการช่วยเหลือเดิม เช่น “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” ที่เปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2568 สำหรับเพย์เมนต์บางประเภท แบงก์ชาติยังคงดูแลระดับขั้นต่ำของเงินกองทุน (capital requirement) ที่ 8% และอาจปรับเป็น 10% ตามกำหนดปีหน้า ขึ้นอยู่กับประกาศอย่างเป็นทางการ
ด้านอุตสาหกรรมบัตรเครดิต ครึ่งปีแรกเติบโตอย่างช้าๆ โดยเฉลี่ย 0.7% ขณะที่ KTC เติบโต 4.4% การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน และผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากร (tariff) แต่คาดว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี การจับจ่ายจะฟื้นตัวตามฤดูกาล
KTC ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนและการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนพันธมิตรเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะหมวดประกัน โรงพยาบาล และความงาม นอกจากนี้ การใช้คะแนนแทนดอกเบี้ยหรือค่าบริการยังช่วยลดภาระผู้บริโภค
โดยมองว่ายังมีระยะเวลาที่เพียงพอในการวางแผนและดำเนินกิจกรรมทางการตลาด รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นฤดูกาลที่มีการจับจ่ายสูง เช่น ไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเปิดเทอม และไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีกำลังซื้อสูงสุดของปี
ด้านการบริหารเงินทุน บริษัทรักษาระดับเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% และเน้นสะสมกำไรเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต พร้อมควบคุมอัตราค่าใช้จ่ายด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและผลกระทบจาก tariff อาจทำให้เครดิตคอสต์ปรับตัว
ทั้งนี้ การที่ KTC ติดดัชนี MSCI Global Small Cap Index เป็นผลดีต่อความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และถือเป็นปัจจัยบวกต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท