SINO กวาดกำไรครึ่งปีแรกโต 1 เท่าตัว แตะ 39 ลบ. จ่ายปันผล 0.029 บ. ขึ้น XD 28 ส.ค. นี้

SINO เผยผลงานไตรมาส 2/2568 กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวม 6 เดือนแรกปี 68 กำไรสุทธิ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผล 0.028846 บาท ขึ้น XD 28 ส.ค. กำหนดจ่าย 10 ก.ย. วางเป้าหมายปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลทั้งปีกว่า 50,000 ตู้ พร้อมเจรจาปริมาณขนส่งสินค้ากับผู้นำเข้ากับสหรัฐฯ เตรียมขยายการลงทุนธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ และเปิดบริการคลังสินค้าใหม่เดือนกันยายนนี้


นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุน การเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแถบเอเชียและกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี แม้มีรายได้รวม 689 ล้านบาท ลดลง 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้นำเข้าสินค้าฝั่งสหรัฐฯ มีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้ปริมาณขนส่งสินค้าของกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนมิถุนายน 2568 และการเดินเรือขนส่งที่ล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้การรับรู้รายได้จากการให้บริการบางส่วนถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาส 3/2568

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 1,496 ล้านบาท ใกล้เคียงกันกับปีก่อนที่ทำได้ 1,509  ล้านบาท เนื่องจากการมุ่งเน้นบริหารต้นทุน ได้รับงานโปรเจกต์ การเจรจาปรับราคากับลูกค้าบางส่วน และปริมาณงานในกลุ่มธุรกิจ Air Freight ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 15% จาก 12% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากกลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ ที่มีรายได้จากคลังสินค้าใหม่ที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.028846 บาท รวมเป็นเงิน 30 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 10 กันยายน 2568

นายนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศในอาเซียนได้ข้อสรุปอัตราภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ โดยประเมินว่าปริมาณการส่งออกสินค้าจากไทยน่าจะอยู่ในระดับปกติ เนื่องจากได้ข้อสรุปอัตราภาษีที่ 19% อยู่ในระดับเดียวกับประเทศผู้ผลิตและส่งออกหลักในภูมิภาคนี้ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และต่ำกว่าเวียดนามเล็กน้อย ประกอบกับไทยมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศเพื่อผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งผลักดันผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังให้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยวางเป้าหมายมีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลไม่ต่ำกว่า 50,000 ตู้ในปี 2568 จากครึ่งปีแรกที่มีปริมาณกว่า 23,000 ตู้ ปัจจัยบวกจะมาจากการเข้าสู่พีคซีซั่นของการขนส่งระหว่างประเทศเส้นทางไทย–สหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ปี 2568 ล่าสุด ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อพบกับผู้นำเข้าและเจรจาปริมาณการขนส่งสินค้า รวมถึงจะเร่งเพิ่มปริมาณขนส่งทางทะเลในมาเลเซียและเวียดนามจากอัตราเฉลี่ย 700 ตู้ต่อเดือน และ 250 ตู้ต่อเดือนตามลำดับ เป็น 800 ตู้ต่อเดือน และ 300 ตู้ต่อเดือนตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะขยายการลงทุนธุรกิจ Air Freight เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโต และเตรียมเปิดบริการคลังสินค้าใหม่ในพื้นที่ท่่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที รวมอยู่ระหว่างวางแผนลงทุนขยายคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone) ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อกระจายทำเลรองรับดีมานด์การจัดเก็บและกระจายสินค้าในจังหวัดปริมณฑลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ

Back to top button