
“เทิดศักดิ์” ลุ้น SET ฟื้น 1,300 จุด ชู 4 ธีมเด่นครึ่งปีหลัง “รับเหมา-รพ.-แบงก์-อสังหา”
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม บล.เอเซีย พลัส คาดว่า SET มีโอกาสแตะ 1,300 จุดยังคงเป็นไปได้ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยความเร็วในการปรับตัวของตลาด พร้อมแนะลงทุน 4 ธีมครึ่งปีหลัง ได้แก่ “รับเหมา-โรงพยาบาล-ธนาคาร-อสังหาริมทรัพย์”
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน Market’s NEW Magnet : “คัดหุ้นเด่น..เค้นหุ้นปัง…ที่ปลอดภัย..?” จัดโดย ข่าวหุ้นธุรกิจ วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวหลังจากแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,056 จุด โดยยืนยันว่านับเป็นจุดต่ำสุดที่แท้จริง ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ช็อกแบบสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม หากดัชนีไม่ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 1,200 จุดอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,300 จุด ภายใต้เงื่อนไขว่า ต้องมีการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและความเร็วในการปรับตัวอย่างรอบคอบและระมัดระวัง
“เราปรียบเทียบการปรับตัวของตลาดหุ้นกับการยิงธนู โดยการย่อตัวเล็กน้อยก่อนการขึ้นช่วยเพิ่มระยะการปรับตัว ขณะที่การขึ้นเร็วเกินไปเหมือน “วิ่งแบบโมเมนตัมม้วนเดียวจบ” ซึ่งจำกัดระยะการขึ้นในระยะสั้น นักลงทุนจึงควรติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
สำหรับปัจจัยพื้นฐานยังสนับสนุนการขยายตัวของตลาดหุ้น โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% และ Bond Yield อายุ 2 ปีประมาณ 1.2% ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนจากกำไรของตลาดกับ Bond Yield อยู่ที่ 5.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 4.2–4.5%
นอกจากนี้ กำไรของตลาดยังแข็งแกร่ง โดยประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 86 บาทต่อหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิรวม 1.06 ล้านล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้กว่า 600,000 ล้านบาท
ดังนั้น หุ้นที่ขับเคลื่อนดัชนีสำคัญ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA
อย่างไรก็ตาม มองว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงขับจากการใช้จ่ายภาครัฐและแรงหนุนจากจีน หลังการส่งออกอาจชะลอตัว รวมถึงการผ่านวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสนับสนุนงบประมาณประจำปีราว 900,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยแนะนำธีมหุ้นที่น่าสนใจ ในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC และ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK มีงานในมือ (Backlog) จำนวนมาก พร้อมกำไรขาขึ้น
กลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS รายงานผลประกอบการเป็นบวก
กลุ่มธนาคาร แม้ ROE บางแห่งต่ำ แต่การบริหารจัดการ Equity และการจ่ายปันผล รวมถึงซื้อหุ้นคืนช่วยเพิ่ม Upside โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL
นอกจากนี้ยังมี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI และ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP มี Valuation น่าสนใจ หุ้นกลาง–เล็กเริ่มฟื้นตัวตาม Volume ตลาด
ท้ายสุด ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพในการฟื้นตัว นักลงทุนควรใช้จังหวะย่อเพื่อเข้าซื้อ โดยปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกพิเศษรองรับในระยะต่อไป