
PSH ดีดบวก 4% รับกองทุนรุมจีบ-ปักธงรายได้ปีนี้แตะ 1.6 หมื่นลบ.
PSH ดีดบวก 4% รับกองทุนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้าลงทุนเพิ่ม จากปัจจุบันถือหุ้นแล้ว 15% ชูจุดแข็งกระจายพอร์ตสู่ธุรกิจเฮลท์แคร์–อสังหา ตั้งเป้ารายได้ปี 68 ที่ 16,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22ส.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ณ เวลา 11:21 น. อยู่ที่ระดับ 4.34 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 4.33% ราคาสูงสุด 4.36 บาท ราคาต่ำสุด 4.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.42 ล้านบาท
นางสาวปัทมา ปิยะมณีพร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีกองทุนแสดงความสนใจเข้าลงทุนใน PSH จำนวนมาก เนื่องจากจุดเด่นของ PSH ที่มีการกระจายพอร์ตลงทุนในส่วนของธุรกิจดูแลสุขภาพ อย่างโรงพยาบาลวิมุต ทำให้กองทุนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ และเข้าพบเพื่อขอข้อมูลบริษัท และเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จากปัจจุบันกองทุนมีสัดส่วนการถือหุ้น PSH อยู่ที่ 15% อาทิ กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 12,900 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ 2,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกระจายมาจากกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงการรับสร้างบ้าน กลุ่มธุรกิจ Precast และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ทั้งนี้ ในแง่ของความสามารถในการทำกำไรปีนี้จะดีขึ้นจากการมีรายได้ในกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) เข้ามามากขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 มีรายได้รวม 3,240 ล้านบาท ลดลง 43.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,693 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 76.41 ล้านบาท ลดลง 75.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 313.71 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 6,944 ล้านบาท ลดลง 29.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 9,864 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.62 ล้านบาท ลดลง 76.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 379.12 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ลดลง เป็นผลมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงมาก ตามสภาวะอุตสาหกรรม แม้จะได้รับอานิสงส์จากการบริหารต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย และต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงไม่สามารถชดเชยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายงานผลขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนและกิจการร่วมค้า 73 ล้านบาท และ 96 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (งวดการดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายน 2568
นางสาวปัทมา กล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ในการทำงานของ PSH จากนี้ จะมุ่งดำเนินการใน 2 เรื่องหลัก คือ 1. การส่งเสริมและผลักดันให้พนักงานมีความรู้สึก “เป็นเจ้าของ” (Ownership) องค์กร หรือการสร้างวัฒนธรรมการทำงานเหมือนเป็นเจ้าขององค์กร เพื่อจะขับเคลื่อนให้การทำงานในแต่ละส่วนงานที่รับผิดชอบเดินไปสุดทาง และ 2. บริษัทจะผลักดันคนรุ่นใหม่มาเป็น Successor (ผู้รับช่วงต่อ) เพื่อจะมาขับเคลื่ององค์กรให้ยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต
“เราจะกลับมาโฟกัสในธุรกิจหลักที่เรามีความชำนาญ คือ ในกลุ่มของธุรกิจที่อยู่อาศัย โดยต้องยอมรับว่าในปัจจุบันการเติบโตในกลุ่มนี้ไม่ได้เหมือนอดีต ดังนั้น เราจึงจะต้องเพิ่มในส่วนของ Recurring Income ซึ่งเรามองว่าการที่องค์กรจะยั่งยืนได้นั้น จะต้องมีการเติมพอร์ต Recurring Income และเราก็มีความชำนาญในกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ โดยในอนาคตเราจะเติบโตใน 2 กลุ่มธุรกิจนี้เป็นหลัก“ นางสาวปัทมา กล่าว
ขณะที่ PSH จะให้ความสำคัญในเรื่องของต้นทุน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A) ดีขึ้น อีกทั้งจะมีการปรับพอร์ตสินค้ามาอยู่ในกลุ่มเซกเมนต์ที่เหมาะสมกับตลาดในปัจจุบันมากขึ้น โดยจะใช้ความชำนาญในเรื่องของการควบคุมต้นทุน ซึ่งจุดแข็งของ PSH คือการมีทีมงานก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญ จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทจะใช้ธุรกิจเฮลท์แคร์ มาเพิ่มในส่วนของงานบริการ เป็นบริการในรูปแบบ “Health to Home“ ที่ชัดขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นมีผู้ประกอบการรายใดทำ
สำหรับยุทธศาสตร์ของ PSH จากนี้ จะมุ่งเน้นธุรกิจใน 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะยังคงเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทและปัจจุบันมีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ (สต็อก) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท, 2. กลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ เป็นกลุ่มที่มีมาจิ้นสูง คาดว่าในอนาคตจะช่วยเสริมให้ภาพรวมมาจิ้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น 3. กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงการรับสร้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีสัญญารับสร้างบ้านในมือแล้ว (Backlog) ประมาณ 480 ล้านบาท, 4. กลุ่มธุรกิจ Precast ปัจจุบันมีการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม B2B (Business-to-Business) ต่อเนื่อง และยังมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ 5. กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เช่น การลงทุนต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน PSH ยังมีโมเดลธุรกิจใหม่ Pruksa Pass เป็นการเช่าซื้อ หรือผ่อนกับพฤกษาก่อน เพื่อช่วยลูกค้าที่อาจจะยังกู้ไม่ผ่าน หรือลูกค้าที่ยังไม่พร้อมกู้ สามารถผ่อนกับบริษัทไปก่อน และเมื่อสถานะทางกานเงินของลูกค้าดีขึ้น เงินที่ผ่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินดาวน์ ซึ่งปัจจุบันเริ่มทำไปแล้วประมาณ 100 ยูนิต โดยเป้าหมายปี 2568 คาดว่าจะทำได้ 290 ยูนิต ส่วนปี 2569 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 500-600 ยูนิต
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวธุรกิจห้องเช่าภายใต้ “I Plean“ (ไอ-เพลิน) เบื้องต้นอาคารแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ประมาณ 100 ยูนิต ระดับค่าเช่าจะอยู่ที่ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน จับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อาชีพ รปภ. นักศึกษา และพนักงาน ซึ่งเน้นทำเลใกล้แหล่งงานและสถานศึกษา เนื่องจากเห็นแนวโน้มปัจจุบันคนรุ่นใหม่เน้นเช่ามากกว่าซื้อ โดยตามแผนปีนี้จะสร้างประมาณ 10 อาคาร หรือประมาณ 10,000 ยูนิต เบื้องต้นเป็นทำเลรังสิต ซึ่งบริษัทมีที่ดินสะสมอยู่แล้ว