อสังหาซบครึ่งปีแรก! เปิด 12 บจ. โชว์กำไร Q2 โตแรงสวนตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัทแอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้วิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ทั้งสิ้น 104 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งสิ้น 14,942 หน่วย มูลค่ารวม 109,220 ล้านบาท เมื่อเทียบการเปิดตัวโครงการในปี 2567 ทั้งสิ้น 182 โครงการ อยู่ที่ 32,675 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 201,517 ล้านบาท

ภาพรวม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ครึ่งแรกปี 2568 ชะลอตัวลงด้วยปัจจัยภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ผู้ประกอบการชะลอแผนเปิดตัวโครงการช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 โดยไม่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดใหม่เลยในเดือนเมษายน 2568 หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่กลับมาเห็นการเริ่มกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2568 ถึงแม้ผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ จะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 แต่โดยภาพรวมโครงการใหม่มีแนวโน้มที่จะน้อยกว่าปี 2567 หรือไม่ก็ใกล้เคียงกัน

อย่างไรก็ตาม “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์” ที่ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สามารถทำกำไรสุทธิเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชะลอตัว ซึ่งพบว่ามี 12  บริษัท อาทิ KUN, ANAN, PROUD, MBK, PRIN, GLAND, AMATAV, FPT, LH, SENA, PLAT และ AWC โดยได้ยกตัวอย่าง 5 บริษัทที่กำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นรับปัจจัยสนับสนุน ดังต่อไปนี้

บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนจากปีก่อน 5.43 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนมาจากรายได้ขายอสังหาริมทรัพย์และขายที่ดินรวม 196.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.73% จากปีก่อน

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 253.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.77% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 104.91ล้านบาท โดยมีแรงหนุนมาจาก การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนเมืองเป็นอย่างดีผ่านการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อคนเมืองบนทำเลศักยภาพสูงสุดของกรุงเทพฯ ทั้งคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า บ้านและทาวน์โฮมมากกว่า 100 โครงการ ภายใต้แบรนด์คุณภาพ อีกทั้ง ในไตรมาส 2 มียอดขายบ้านหรูเติบโตกว่า 77% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมียอดโอนเติบโตกว่า 53% จากปีก่อน

บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.48% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 11.58 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนมาจากรายได้รวม 1,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.5% ผลประกอบการโดยรวมเติบโตแข็งแกร่ง ผลจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ ‘เวหา หัวหิน’ (VEHHA Hua Hin) และ ‘นิว ดิสทริค อาร์ 9’ (Nue District R9) ที่ทำผลงานได้เกินความคาดหมาย สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,189.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของีก่อน 764.71 ล้านบาท ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ 2,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน หลังธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมเติบโตแกร่ง พร้อมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 16.16 ล้านบาท ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 135.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% จากปีก่อนยู่ที่ 124.26 ล้านบาท และอาคารชุด อยู่ที่ 53.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.51% จากปีก่อนอยู่ที่ 51.04 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร 99.13 ล้านบาท คิดเป็น 20.94% ของรายได้รวม ลดลง 33.27 ล้านบาท จากปีก่อน หรือคิดเป็นการลดลง 25.13% หลังควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ล่าสุดข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธอส. ได้จัดทำบทวิเคราะห์เรื่อง ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลไตรมาสที่ 2 ปี 2568 พบว่ามีค่าดัชนีเท่ากับ 415.2 จุด เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนและแต่ลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอตัว

ขณะที่ ความต้องการที่ดินเปล่าในพื้นที่ปริมณฑลยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงถึง 39.60% จากปีก่อน เช่นเดียวกับที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งช่วงสมุทรปราการ- บางปู และ แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 39.6%