“ตากาล็อก” ล้างพอร์ตขาย EASTW ให้อดีตซีอีโอ GSC พบบริษัทเก่าเอี่ยว “ไซฟ่อนเงิน”

"ภวินท์ คุณาดิเรกวงศ์" เข้าซื้อหุ้น EASTW จำนวน 311.44 ล้านหุ้น หรือ 18.72% จากมะนิลา วอเตอร์ ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 หลังลาออกจากตำแหน่ง CEO ของหุ้น VS เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา พบ “ภวินท์” เคยนั่งซีอีโอ GSC ที่อดีตผู้บริหารของบริษัท หลัง ก.ล.ต. ฟันว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายสูบเงินจากบริษัท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เปิดเผยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW โดยระบุว่า นายภวินท์ คุณาดิเรกวงศ์ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 311,443,190 หุ้น จากบริษัท มะนิลา วอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด คิดเป็นสัดส่วน 18.72% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ ส่งผลให้ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของบริษัทในทันที

ทั้งนี้ นายภวินท์ เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วีเซิร์ฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VS โดยบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับศูนย์บริการข้อมูล และธุรกิจติดตามและทวงถามหนี้ ก่อนที่นายภวินท์จะลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 โดยให้เหตุผลว่า มีภารกิจจำนวนมากจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง พบว่า บริษัท VS มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา โดยปี 2566 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 117.70 ล้านบาท ต่อมาในปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 40.54 ล้านบาท และในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 14.94 ล้านบาท

นอกจากนี้ช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาทาง GSC ยังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหาร หลังตรวจพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการใช้เงินระดมทุนไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่เปิดเผยต่อผู้ลงทุน โดย ก.ล.ต. ระบุว่า GSC ได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ก่อนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ไปใช้ปล่อยกู้ให้กับบริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาการไถ่ถอนหุ้นกู้นับพันล้านบาท การปล่อยกู้ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท และไม่เป็นไปตามแผนการใช้เงินที่แจ้งไว้ต่อผู้ลงทุน ถือเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน

การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ผู้ถือหุ้นของ GSC ได้รับความเสียหายโดยตรง ทั้งในด้านความเชื่อมั่นและผลประกอบการของบริษัทในอนาคต ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมระบุว่าเป็นกรณีตัวอย่างของธุรกรรมที่เข้าข่าย “ไซฟ่อนเงิน” หรือการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งขัดต่อหลักการธรรมาภิบาลและสร้างความเสียหายต่อตลาดทุนโดยรวม

ดังนั้นการเข้ามาถือหุ้น EASTW ของนายภวินท์จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ติดตามภาคธุรกิจ ว่าเป็นเพียงการลงทุนในเชิงการเงิน หรือมีวัตถุประสงค์ในการเข้ามากำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของลักษณะธุรกิจ และขนาดของ EASTW ซึ่งมีความซับซ้อนด้านการบริหารมากกว่าบริษัทเดิมที่นายภวินท์เคยมีบทบาทบริหาร

Back to top button