
‘บอนด์ยีลด์’ ทั่วโลกผันผวนหนัก.!
“ตลาดพันธบัตร” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น
“ตลาดพันธบัตร” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น สะท้อนถึงต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของรัฐบาลจากหลายประเทศ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของภาระหนี้ทั่วโลก
กลุ่มนักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank อธิบายว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นเป็น “วงจรปัญหาที่เคลื่อน ไหวช้า ๆ” ส่งผลให้ต้นทุนในการชำระหนี้ของประเทศต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง ตั้งแต่สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร (UK), ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น กำลังดิ้นรนเพื่อลดยอดขาดดุลการคลัง คำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับความสามารถในการทำสิ่งนี้ เพิ่มแรงกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากนักลงทุนทั้งหลายต้องการค่าชดเชยความเสี่ยงสูงขึ้น ทำให้พลวัตของหนี้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ผ่อนคลายลงจากเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีของญี่ปุ่น ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พันธบัตรอายุ 30 ปีของสหราชอาณาจักร ที่ทำสถิติสูงสุดรอบ 27 ปี และพันธบัตรอายุ 30 ปีของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงกว่า 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยปกติแล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับราคาพันธบัตร
Jonathan Mondillo หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ทั่วโลกของอเบอร์ดีน ระบุว่า “ความผันผวนที่เห็นช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดีในตลาดพันธบัตร ความเย็นชาในหัวสมองจะยังมีอยู่และตลาดการเงินทั้งหลายจะทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น”
แต่ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลทั้งระยะสั้นและระยะยาว สูงกว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างมาก ท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อสูง ผลกระทบนี้ส่งผลกระทบต่อเนื่องหลายประการต่อเศรษฐกิจโดยรวมเป็นวงกว้าง บรรดานักลงทุนต้องจับตามองต่อไป ขณะที่ความท้าทายทางการคลังยังเข้มข้นและรุนแรง..
องค์ประกอบหนึ่งของเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบคืออัตราดอกเบี้ยจำนองบ้าน แม้ว่าสินเชื่อจำนองบ้านจะได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยเฉพาะตัวของผู้ให้กู้และผู้กู้ แต่ปัจจัยหลักที่สำคัญซึ่งขับเคลื่อนคืออัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารกลางกำหนด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยทั่วไปแล้ว ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้นสำหรับเจ้าของบ้านเมื่ออัตราดอกเบี้ยของสองปัจจัยดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น
James Carter ผู้จัดการกองทุน W1M ย้ำว่า การที่พันธบัตรอายุ 30 ปีขยับขึ้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัยอายุ 30 ปีในสหรัฐฯ ที่ได้รับความนิยมสูง
โดยแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ทวีความรุนแรงขึ้นจากการโจมตีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดูเหมือนเป็นการตอบโต้ตามสัญชาตญาณช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ อิทธิพลของทรัมป์ อาจช่วยให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลดลง เจ้าหน้าที่ของเฟดจะกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนนี้ หลังจากข้อมูลการจ้างงานออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
“แต่ระยะยาวเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะทำให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำเนียบขาวมักจะทำเป็นปกติ และสิ่งนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัย”