
CV เงินมัดจำปริศนา.!?
ถ้าย้อนไปดูไทม์ไลน์จะเห็นว่า หุ้นบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV โดนแขวนเครื่องหมาย SP มาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา และดูท่าจะถูกแขวนยาวววปายยย...
ถ้าย้อนไปดูไทม์ไลน์จะเห็นว่า หุ้นบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV โดนแขวนเครื่องหมาย SP มาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา และดูท่าจะถูกแขวนยาวววปายยย…เนื่องจากไม่สามารถส่งงบการเงินประจำปี 2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด แถมยังมีเรื่องคาราคาซัง ซึ่งยังไม่ชัดเจนอีกหลายเรื่อง…
หนึ่งในนั้นเป็นกรณีฉาวที่ว่าด้วยเรื่องการซื้อ 2 บริษัทในช่วงกลางปี 2566 โดยวาดฝันเพื่อเข้ามาหนุนการเติบโตในอนาคต…ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแหละ แต่มันติดตรงที่ตอนนี้กลายเป็นฝนกลางแดดเสียแล้วนะสิ…
โดยบริษัทแรกเป็นบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) ซึ่งประกอบธุรกิจจัดการซากรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน ธุรกิจการถอดแยกชิ้นส่วน การถอด และการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุการใช้งาน (Dismantle Recycling) รวมทั้งการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงแข็ง (Solid recovered fuel: SRF) และธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดย CV จะซื้อหุ้นในสัดส่วน 20% ที่ราคาหุ้นละ 28.10 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,040 ล้านบาท
อีกบริษัทเป็นบริษัท Fernview Environmental Pty Ltd ประกอบกิจการโรงงานรับและฝังกลบขยะในเมืองจินจิน ประเทศออสเตรเลีย จะซื้อหุ้นในสัดส่วน 99.9% คิดเป็นมูลค่า 11 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 256.08 ล้านบาท จากบริษัท เอ็มแปด โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมี “เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล” ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CV นั่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “เอ็มแปด โฮลดิ้ง” ด้วย…ดีลนี้จึงกลายเป็นธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกัน…
โดยธุรกรรมการซื้อ Fernview มีนัดหมายจะชงเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 12 ต.ค. 2566 แต่จู่ ๆ บอร์ดก็ดึงวาระนี้ออก แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย…
จนกระทั่งช่วงต้นปี 2567 CV ก็แจ้งยกเลิกการซื้อหุ้น Fernview โดยอ้างเรื่องสภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ผันผวน ประกอบกับที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ หรือ IFA ได้ให้ความเห็นว่า ราคาซื้อขายสูงเกินไป…
ขณะเดียวกัน ก็แจ้งยกเลิกการซื้อหุ้น WTX ด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่า บริษัทได้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO ไม่เพียงพอสำหรับการเข้าซื้อหุ้น WTX หรือได้เงินเพิ่มทุน RO ต่ำกว่า 1,040 ล้านบาท เป็นเหตุให้ต้องยกเลิกธุรกรรมดังกล่าว
โอเค…เหตุผลในการยกเลิกซื้อหุ้น 2 บริษัทดังกล่าว พอเข้าใจได้…แต่จะฟังขึ้นหรือเปล่า..?? ก็ไม่รู้สินะ
แต่ที่ทุกคนไม่เข้าใจให้ตายเถอะโรบิ้น เห็นจะเป็นการจ่ายค่ามัดจำไปแล้ว และยังขอคืนค่ามัดจำไม่ได้นี่แหละ…
โดยในส่วนของ Fernview ได้จ่ายค่ามัดจำไป 10.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 256 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของราคาซื้อขายเชียวหนา ส่วน WTX ก็จ่ายค่ามัดจำไปแล้ว 180 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าถ้ายกเลิกการซื้อขายจะได้มัดจำคืนภายใน 45 วัน
โอ้มายก๊อด…นี่ค่ามัดจำหรือชำระค่าหุ้นไปแล้วเนี่ย…มีที่ไหนจ่ายค่ามัดจำไปเกือบ 100% ของมูลค่าซื้อขาย..!? ไม่มีบริษัทไหนเค้าทำกันนะออเจ้า…
ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินค่ามัดจำคืนสักแดงเดียว…
เลยเป็นที่มาของมัดจำปริศนา..!! ที่ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ในกระเป๋าใคร…
“ไม่เอาไม่พูด…แม่ไม่ให้พูดไม่เอาไม่เอาไม่บอก…แม่ไม่ให้บอกฉันยังไม่เป็นผู้ใหญ่”
แล้วที่มากไปกว่านั้นธุรกรรมซื้อหุ้น Fernview ผ่านเพียงแค่มติบอร์ด แต่ไม่ยักจะผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นแฮะ…ทั้ง ๆ ที่ธุรกรรมนี้มีมูลค่าสูงควรจะได้ไฟเขียวจากผู้ถือหุ้นก่อนนะ ถึงจะดำเนินการต่าง ๆ ได้…
งั้นต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปสืบสาวเอาความกันต่อแล้วล่ะ…
จากมัดจำปริศนากลายเป็นสารตั้งต้นให้ CV ต้องกลายเป็นบริษัทตายซากที่มีปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ตามมาด้วยการผิดนัดชำระหุ้นกู้ ราคาหุ้นดิ่งนรก โดยก่อนจะถูกแขวน SP ราคาอยู่ที่ 3 สตางค์เท่านั้น
เป็นหุ้นฉาวอีกตัวที่สร้างบาดแผลให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นกู้…
แหม๊…ไอ้ตอนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (2 ก.ย. 2564 ด้วยไอพีโอ 3.90 บาท) หุ้น CV ก็เป็นสปอร์ตไลท์ ด้วยผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอมีชื่อ 2 อันดับแรกเป็น 2 คู่ดูโอ้เจ้าเก่า “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” หมอนักลงทุนขาใหญ่ กับ “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 แต่น่าจะเผ่นแน่บเข้าป่ากล้วยไปแล้ว
ส่วนขาใหญ่ที่ยังติดหุ้นอยู่ ปัจจุบันมีทั้ง “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “หทัยรัตน์ จุฬางกูร”…
แล้วตอนนั้นก็มีประธานบอร์ดที่ชื่อ “ประเสริฐ บุญสัมพันธ์” อดีตบิ๊ก ปตท. ด้วยนะ…
ตอนนี้กำลังถูกขุดคุ้ยวีรกรรมฉาวอีกครั้ง เพราะแว่ว ๆ มาว่า จะมีการเรียกเช็กบิลหาตัวการเรื่องทั้งหมดนี้
จริงเท็จประการใด…เดี๋ยวคงได้รู้กัน
…อิ อิ อิ…