“หอการค้าไทย” ห่วงบาทแข็งรอบ 4 ปี กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว-เกษตร

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย ห่วงค่าเงินบาทแข็งแตะ 31.70 บาท/ดอลลาร์ สูงสุดรอบ 4 ปี กระทบหนักภาคส่งออก ท่องเที่ยว เกษตรกรรม แนะรัฐบาล-ธปท. เร่งมาตรการดูแลค่าเงิน เพื่อไม่บั่นทอนความสามารถแข่งขันผู้ประกอบการไทย


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (9 ก.ย. 68) นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ ค่าเงินบาทแข็งค่า ต่อเนื่องจนแตะระดับ 31.70 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการแข็งค่าที่รวดเร็วและรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีและสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจจริงของประเทศ โดยการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ ภาคการส่งออก ต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อยอดขายและรายได้จากต่างประเทศ

ภาคการท่องเที่ยว ความแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ประเทศไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย

ภาคเกษตรกรรม เกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออก ได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนและรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าเงิน โดยเฉพาะข้าวนาปี และพืชไร่ที่กำลังจะออกมา

ด้านปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งรุนแรงกว่าประเทศอื่น หอการค้าไทย ชี้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจาก 1.) เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะต่อไป ทำให้ค่าเงินของหลายประเทศในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นโดยอัตโนมัติ

2.) ปัจจัยด้านทองคำ ประเทศไทยมีการถือครองทองคำจำนวนมาก และราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขายทองคำออกมาเป็นเงินตราต่างประเทศ และแปลงกลับเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่ค้าอย่างผิดปกติ รวมถึงมี fund flow ที่เข้ามาประเทศด้วย ซึ่งอาจจะมาจากพวก Crypto ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกที่ซ้ำเติมความเปราะบาง ได้แก่ มาตรการภาษีตอบโต้ (tariff) ที่หลายประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป กำลังทบทวนหรือพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งจะกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย และยิ่งซ้ำเติมผลกระทบจากเงินบาทแข็ง

ส่วนข้อจำกัดด้านการแทรกแซงค่าเงิน การที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าไปดูแลค่าเงินบาทอย่างเข้มข้น อาจทำให้ไทยถูกเพ่งเล็งว่า “บิดเบือนค่าเงิน” โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับการเจรจาภาษีการค้า และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องวางนโยบายอย่างรอบคอบ

โดยแนะนำรัฐบาลออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท พร้อมธปท. แยกดุลทองคำ ซึ่งที่ผ่านมา หอการค้าไทยและคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เคยเสนอแนวทางว่าควรแยกดุลทองคำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถประเมินผลกระทบต่อค่าเงินได้ตรงจุด พร้อมทั้งเสนอให้ ธปท. เข้ามาจัดการดูแลในส่วนนี้อย่างเป็นระบบ เพราะหากปล่อยให้กลไกค่าเงินผันผวนโดยไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย จะทำให้ผู้ประกอบการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่ค้า

หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ แม้ภาครัฐจะใช้เงินทุนสำรองเข้ามาแทรกแซงเพื่อรักษาอัตราแลกเปลี่ยนก็อาจต้องใช้เงินจำนวนมากและเสี่ยงต่อการสูญเปล่า โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง นายพจน์ กล่าว

ดังนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและธปท. เร่งพิจารณามาตรการที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจจริง และไม่บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย หากเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย แต่กลับทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

Back to top button