
โบรกชู GULF-BGRIM-GPSC ท็อปพิก “โรงไฟฟ้า” รับนโยบายรัฐใหม่ หนุนกำไร SPP–บาทแข็ง
โบรกชู GULF-BGRIM-GPSC หุ้นเด่น “โรงไฟฟ้า” รับบาทแข็ง-นโยบายรัฐบาลใหม่ คาด “อรรถพล ฤกษพิบูลย์” นั่ง รมว.พลังงาน ช่วยคลายแรงกดดันลดค่าไฟ ดัน Spark Spread ขยับแตะ 1.02–1.41 บาท/หน่วย หนุนกำไร SPP ดีขึ้น โบรกฯอัพประมาณการ GPSC-BGRIM ขึ้นแรงเฉลี่ย 19–23% ชู GULF-BGRIM หุ้นเด่นมีอัพไซด์
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า ที่มีปัจจัยบวกน่าสนใจมานำเสนอ โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้ระบุในบทวิเคราะห์ไว้ดังนี้ “กลุ่มโรงไฟฟ้า” จากการปรับโครงสร้างคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาลภายใต้นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล โดยพรรคภูมิใจไทย โดยมีนโยบายหลักด้านพลังงาน ได้แก่ การลดค่าไฟประชาชน 450 บาท/เดือนผ่าน นโยบายติดตั้ง Solar rooftop ฟรี ,มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราคาประหยัด 6,000 บาท ผ่อนจ่าย 60 งวด
อีกทั้งภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่คาดว่าจะมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็นผู้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน โดยคุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์เป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท PTT และมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานภายใต้บริษัทในเครือ PTT มาอย่างยาวนาน และมีความเป็นไปได้ในการสานต่อนโยบายปรับโครงสร้าง Pool gas
นอกจากนี้ทิศทางบาทแข็งค่าต่อเนื่องโดยปัจจุบันอยู่ที่ 31.75 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลให้คาดราคาเฉลี่ย Pool gas ใน ครึ่งหลังปี 2568 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 285 บาท/MMBtu ลดลงมากกว่าที่คาดไว้จากเดิมที่เฉลี่ย 299 บาท/MMBtu ขณะที่ระยะยาวได้ประโยชน์จากปริมาณ Supply LNG ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ราคา LNG ในระยะยาวจึงปรับตัวลง และเริ่มมี Upside ต่อกลุ่ม SPP
บล.กรุงศรี ระบุว่า จากประเด็นดังกล่าว มีมองเชิงบวกต่อ “กลุ่มโรงไฟฟ้า” โดยมองเป็นบวกต่อกลุ่ม SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟ IU สูงโดยคาดว่าภายใต้รัฐบาลใหม่ แรงกดดันจากนโยบายลดค่าไฟเดิมจะผ่อนคลายลง ประกอบกับภาระค่า AF คงค้างซึ่งต้องจ่าย EGAT ที่ 66,072 ล้านบาท จึงคาดค่าไฟทรงตัวสูงอยู่ในกรอบ 3.9 บาท/หน่วย และ 3.8 บาท/หน่วย ในปี 2569 และปี 2570 ตามลำดับ ส่งผลให้คาด Sparkspread ในระยะยาวปรับตัวขึ้นมาอยู่ในกรอบ 1.02-1.41 บาท/หน่วย อยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปี 2561-2563 ที่ 1.12-1.32 บาท/หน่วย ซึ่งจะทำ ให้กำไรขั้นต้นของ GPSC และ BGRIM ปี 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.6% และ 17% ตามลำดับ จึงมีการปรับประมาณการปี 2568-2570 ของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และ BGRIM ขึ้นเฉลี่ย 19% และ 23% เพื่อสะท้อนปัจจัยบวกข้างต้นมาอยู่ที่ และราคาเป้าหมายปี 2568 หลังปรับประมาณการจะอยู่ที่ 46.0 บาท/หุ้น และ 16.0 บาท/หุ้น ตามลำดับ
ขณะเดียวกันมีมุมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อผู้ประกอบการโซล่าร์ครัวเรือน อาทิ GULF (คาดสัดส่วนน้อยกว่า 1%) ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายและรับติดตั้งโซล่าร์สำหรับครัวเรือนครบวงจรภายใต้แบรนด์ “วันอาทิตย์” โดยมี AIS Shop เป็นหนึ่งในช่องทางจัดจำหน่าย และ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL (คาดสัดส่วน 5-7%) ดำเนินธุรกิจให้บริการโซล่าร์ Rooftop ครบวงจรแก่เอกชนและครัวเรือนผ่าน GRoof
ทั้งนี้ปรับ Top pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยเลือก บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 59 บาท และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 16.0 บาท เนื่องจากคาดว่าทั้ง 2 บริษัทฯเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่เดิมเป็น Overhang ลง ประกอบ กับ Upside ที่สูงบนราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 18% และ 30% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันตามลำดับ จึงมีความน่าสนใจ