ฝันเฟื่อง?

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมีคนฝากคำถามผ่านทีมงานมาว่า อีฉันฝันเฟื่องกับรัฐบาลใหม่อย่างภูมิใจไทยมากเกินไปหรือเปล่า? เพราะอีฉันออกหน้าออกตามากเกินไป


ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมีคนฝากคำถามผ่านทีมงานมาว่า อีฉันฝันเฟื่องกับรัฐบาลใหม่อย่างภูมิใจไทยมากเกินไปหรือเปล่า? เพราะอีฉันออกหน้าออกตามากเกินไป แถมยังเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญนั้น..อีฉันจึงขอตอบตามตรงว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากกระแสของชาวบ้านที่ตอบสนองต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไงล่ะคะ

ที่สำคัญเมื่อดูจากนักวิชาการที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการคนละครึ่งจะทำให้จีดีพีไตรมาส 4 โตถึง 3% เพราะเม็ดเงินจะสะพัดสุด ๆ ผนวกกับคุณพี่ “เอกนิติ” ที่ขึ้นมากุมบังเหียนกระทรงการคลัง ก็ย้ำให้ทุกคนเห็นว่า ตอนนี้มีเงินที่จะทำโครงการดังกล่าว 2.50 หมื่นล้าน แต่หากจะอัดเพิ่มขึ้นไปถึง 5 หมื่นล้าน เพื่อทำให้เศรษฐกิจหมุนแรงขึ้น ก็พร้อมจะหาเงินมาซัพพอร์ตแบบนี้..อีฉันถึงดีใจจนเนื้อเต้นพะยะค่ะ

งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” ลำเอียงก็ช่างหัวปะไร! เพราะภาพที่สะท้อนผ่านการเขียนดังกล่าว ล้วนมาจากเสียงด้านบวกของทุกภาคส่วน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรัฐบาลเพื่อไทย เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น แถมตอนนี้ไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว ก็ยังมีนิสัยตีรวนไม่เลิกแบบนี้ เดี๊ยนขอแนะนำให้ลองไปถามคนในตลาดหุ้นว่า เบื่อหน่ายกับพรรคสีแดงขนาดไหน?..อิอิอิ

นอกจากนี้อย่าลืมว่า สถานการณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบของทุกฝ่าย ได้ถูกมีการบันทึกบนบัญชีหนังหมาไว้หมดแล้ว และกาลเวลาจะเป็นบทพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ใครขี้จุ๊! อีฉันเลยไม่ต้องสาธยายอะไรให้ฟังมากมาย ซึ่งเหมือนกับการทะยานขึ้นของดัชนีขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 จุด ล้วนมาจากความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลใหม่ใช่ไหม?..ถ้าใช่ก็แสดงว่า การยืนปิดที่ 1,306.69 จุด ลบไป 1.50 จุด  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.80 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น DELTA เพื่อชี้ให้เห็นการยืนปิดที่ระดับ 162.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 110 เท่า ก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้อีฉันหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะราคาหุ้นระดับนี้ถือว่า โอเวอร์แอคติ้งเหลือรับประทาน! แต่ถ้าดูเที่ยวก่อนที่หุ้นขึ้นไปถึง 173.50 บาท ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีโอกาสไปต่อสูงแบบนี้..คงขึ้นอยู่กับนักเล่นคิดอย่างไรแล้วจ้า!

เช่นเดียวกับการทะยานขึ้นของหุ้นสุกี้ M ขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 31.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 446 ล้านบาท ทั้งที่ 3 เดือนก่อนแกว่งตัวไปมาที่ระดับ 14 บาท แถมตอนนั้นโดนสุกี้ตี๋น้อยบดขยี้อย่างหนัก แต่หลังจากส่งไฟท์เตอร์แบรนด์ “โบนัส สุกี้” มาชนในเกมหม้อร้อน ราคาหุ้นก็กระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ...อีฉันถึงบอกได้คำเดียวว่า ไม่ธรรมดานะจ๊ะ

ส่วนรายที่อ่อนตัวต่อเนื่องอย่าง BBL จนวานนี้สามารถประคองปิดเสมอตัวที่ระดับ 148 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450 ล้านบาท ก็คงเป็นผลมาจากเรื่องลดดอกเบี้ยเป็นหลัก ซึ่งหลายคนเริ่มกังวลว่า กำไรต่อจากนี้จะไม่โตเหมือนที่หวัง ผนวกกับนักลงทุนเริ่มขายทำกำไรหุ้นแบงก์เรียงตัว “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า เส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 146 บาทจะรับอยู่ไหม?เพราะหุ้นมีอาการซึมลงเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วนะซี

ตรงข้ามกับในรายของหุ้นนิคมอุตสาหกรรม AMATA อย่างเห็นได้ชัด เพราะหุ้นตัวนี้ไต่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ จาก 3 เดือนก่อนยืนอยู่ที่ระดับ 12.50 บาท แต่มาวันนี้หุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 17.60 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 253 ล้านบาท ก็กลายเป็นช็อตที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 20 บาท ผนวกกับหุ้นยังเทรดบน PE 8 เท่าแบบนี้..น่าสนใจไหมล่ะคะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button